ขอถามหน่อยค่ะ ทำไมเราต้องคิดงานที่เสียเป็นหน่วย PPM ด้วยคะ แล้วถ้าคิดเป็น % มันจะสื่อสารเข้าใจง่ายกว่ากันไหม?
รบกวนช่วยชี้แนะด้วยคะ เพราะว่าจะต้องเอาไปสื่อสารให้น้องในฝ่ายผลิตทราบค่ะ เอาแบบกระจ่างเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ
Posted 21 February 2013 - 12:08 PM
ขอถามหน่อยค่ะ ทำไมเราต้องคิดงานที่เสียเป็นหน่วย PPM ด้วยคะ แล้วถ้าคิดเป็น % มันจะสื่อสารเข้าใจง่ายกว่ากันไหม?
รบกวนช่วยชี้แนะด้วยคะ เพราะว่าจะต้องเอาไปสื่อสารให้น้องในฝ่ายผลิตทราบค่ะ เอาแบบกระจ่างเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ
Posted 21 February 2013 - 12:40 PM
เอาแบบตามความเข้าใจของผมเองละกันนะครับ
แนวความคิดนี้น่าจะมีที่มาที่ไปจากการลดของเสียทั่วๆ ไปแหละครับ แต่บังเอิญว่าอยู่มาวันนึงบริษัท Motorola ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์รายใหญ่ที่สุด (ณ เวลานั้น) เกิดประยุกต์ใช้แนวความคิดในการลดของเสียระดับเทพที่เรียกว่า Six Sigma ซึ่งมุ่งเน้นลดความแปรปรวนในกระบวนการ อันจะได้มาซึ่งการลดขอเสียอันมหาศาลตามมา
Sigma เป็นตัวแปรตัวหนึ่งที่ใช้ในการสถิติ คือค่า "เบี่ยงเบนมาตรฐาน" นะครับ
คำว่ากระบวนการในที่นี้ ถ้าเป็นกระบวนการปกติ ก็จะเกิดการกระจายตัวแบบ Normal distribution ขึ้น ซึ่งก็มีผู้รู้ท่านนึง ชื่อ ชิวฮาร์ท ได้บอกว่า ไอ้การควบคุมกระบวนการแบบที่เป็น Normal Distribution เนี่ย หากการกระจายตัวซ้ายขวารวมกันแล้วเกิน 6 sigma ก็ควรจะได้รับการปรับปรุงแล้ว จึงเกิดเป็นเรื่องยุ่งขึ้น เนื่องจากว่าทางสถิติแล้วคำว่าการควบคุมระดับ 6 sigma คือการอนุญาตให้มีของเสียเพียง 3.4 ชิ้น ใน 1 ล้านหน่วยผลิต (3.4 ppm = Part Per Million) ครับ ดังนั้น เมื่อต้องการอยากจะปรับปรุงกระบวนการตามหลักการของ six sigma แล้ว ก็ควรจะสื่อสารในภาษาระดับเดียวกัน จะได้รู้ว่าเราอยู่ห่างจากเป้าหมายเท่าไหร่ การบอกว่าเรามีของเสีย 0.5% มันยังอาจจะหลอกตัวเองอยู่ เพราะหากแปลงเป็น ppm แล้ว จะมีค่าสูงระดับ 5000 ppm เลยครับ
ตอบคำถามที่ว่า ทำไมเราไม่สื่อสารว่าเป็น % เสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ทำไมต้องเป็น ppm ด้วย ?
คำตอบคือว่า หากกระบวนการที่นิ่งแล้ว ก็ยังจะมีของเสียในระดับหนึ่ง เช่น 0.5% = 5000 ppm ในการปรับปรุงกระบวนการให้ของเสียลดลงระดับ "เปอร์เซ็นต์" นั้นเป็นเรื่องยากมากครับ เพราะต้องอาศัยการปรับปรุงในแง่ของเทคโนโลยีเครื่องจักร หรืออื่นๆ ที่ต้องลงทุนมหาศาล แต่บางทีการปรับปรุงเล็กน้อยเช่น การเปลี่ยนแปลง Process parameter ก็ทำให้กระบวนการดีขึ้นได้เช่นกัน แต่อาจจะเล็กน้อยมากซึ่งหากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วจะไม่เห็นความต่าง เช่น
เดิมเราผลิตชิ้นงาน 100,000 ชิ้นต่อวัน มีของเสียเท่ากับ 500 ชิ้นเป็นปกติคิดเป็น 0.5% = 5000 ppm
หลังปรับปรุงกระบวนกระบวนการแล้ว ผลิตงาน 100,000 ชิ้น มีของเสียเท่ากับ 460 ชิ้น คิดเป็น 0.46% = 4600 ppm
ดูตัวเลขเป็นเปอร์เซนต์แล้วอาจจะไม่เยอะ แต่ถ้าเป็น ppm แล้ว ดูดีทีเดียวเห็นไหมครับ
ตัวเลขนี้จะเห็นว่ามีประโยชน์ยิ่งขึ้น หากเราผลิตชิ้นงานที่มีราคาต่อหน่วยสูงมากๆ ครับ
Posted 21 February 2013 - 12:57 PM
ขอบคุณค่ะ อธิบายให้เห็นภาพตามได้ชัดมาก แม้ไม่รู้ว่า ppm คืออะไร
แต่พอจะเข้าใจว่า สื่อสารแบบ % และ ppm ต่างกันอย่างไร
ณัฐศิรี ทวีศรี
Posted 21 February 2013 - 01:14 PM
ผมคิดทั้ง 2 ส่วนเลยครับ วัดทั้ง % และ PPM ยังงานเคลมกลับมาไม่กี่ชิ้นในรอบงานส่ง ก็คิดทั้ง % มันน้อยครับประมาณ 0.005% แต่พอถอดเป็น PPM ประมาณ 49.95 PPM ซึ่งถือว่าเยอะเหมือนกัน ขอบคุณอ.ดุกที่มาให้ความรู้ครับ
Posted 21 February 2013 - 04:13 PM
ของผมก็คิดทั้งเป็น % และ PPM ครับ
หลักการเหมือน อ.ดุก ครับ
ตามแต่ปริมาณงานที่เข้ามาครับ
Posted 21 February 2013 - 04:31 PM
ตามกำลังครับ ถ้าปัจจุบัน ยังเป็นโจ๊ก โซคูล อยู่ ก็อาจจะเริ่มวัดจาก % ไปก่อน ทุกๆคนจะได้มีกำลังใจหรือใจชื้นหน่อย
แต่ถ้ากำลังภายในแกร่งกล้าแล้ว ค่อยเอาแว่นขยายมาส่อง โดยการเปลี่ยนหน่วยวัดเป็น PPM or DPM ก็ได้ครับ
Nukool Thanuanram
Mobile Phone: 097.954.4939
Facebook: Nukool Thanuanram
Fanpage: อาจารย์นุกูล วิทยากรสอนคนโรงงาน
LINE ID: nukool2001
E-Mail: nukool2001@gmail.com
เสือพี่เพราะป่าปก ป่ารกเพราะเสือยัง ดินเย็นเพราะหญ้าบัง และหญ้ายังเพราะดินดี "สรรพสิ่งล้วนเกื้อกูลพึ่งพาอาศัย ซึ่งกันและกัน"
Posted 21 February 2013 - 09:17 PM
เอาแบบตามความเข้าใจของผมเองละกันนะครับ
แนวความคิดนี้น่าจะมีที่มาที่ไปจากการลดของเสียทั่วๆ ไปแหละครับ แต่บังเอิญว่าอยู่มาวันนึงบริษัท Motorola ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์รายใหญ่ที่สุด (ณ เวลานั้น) เกิดประยุกต์ใช้แนวความคิดในการลดของเสียระดับเทพที่เรียกว่า Six Sigma ซึ่งมุ่งเน้นลดความแปรปรวนในกระบวนการ อันจะได้มาซึ่งการลดขอเสียอันมหาศาลตามมา
Sigma เป็นตัวแปรตัวหนึ่งที่ใช้ในการสถิติ คือค่า "เบี่ยงเบนมาตรฐาน" นะครับ
คำว่ากระบวนการในที่นี้ ถ้าเป็นกระบวนการปกติ ก็จะเกิดการกระจายตัวแบบ Normal distribution ขึ้น ซึ่งก็มีผู้รู้ท่านนึง ชื่อ ชิวฮาร์ท ได้บอกว่า ไอ้การควบคุมกระบวนการแบบที่เป็น Normal Distribution เนี่ย หากการกระจายตัวซ้ายขวารวมกันแล้วเกิน 6 sigma ก็ควรจะได้รับการปรับปรุงแล้ว จึงเกิดเป็นเรื่องยุ่งขึ้น เนื่องจากว่าทางสถิติแล้วคำว่าการควบคุมระดับ 6 sigma คือการอนุญาตให้มีของเสียเพียง 3.4 ชิ้น ใน 1 ล้านหน่วยผลิต (3.4 ppm = Part Per Million) ครับ ดังนั้น เมื่อต้องการอยากจะปรับปรุงกระบวนการตามหลักการของ six sigma แล้ว ก็ควรจะสื่อสารในภาษาระดับเดียวกัน จะได้รู้ว่าเราอยู่ห่างจากเป้าหมายเท่าไหร่ การบอกว่าเรามีของเสีย 0.5% มันยังอาจจะหลอกตัวเองอยู่ เพราะหากแปลงเป็น ppm แล้ว จะมีค่าสูงระดับ 5000 ppm เลยครับ
ตอบคำถามที่ว่า ทำไมเราไม่สื่อสารว่าเป็น % เสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ทำไมต้องเป็น ppm ด้วย ?
คำตอบคือว่า หากกระบวนการที่นิ่งแล้ว ก็ยังจะมีของเสียในระดับหนึ่ง เช่น 0.5% = 5000 ppm ในการปรับปรุงกระบวนการให้ของเสียลดลงระดับ "เปอร์เซ็นต์" นั้นเป็นเรื่องยากมากครับ เพราะต้องอาศัยการปรับปรุงในแง่ของเทคโนโลยีเครื่องจักร หรืออื่นๆ ที่ต้องลงทุนมหาศาล แต่บางทีการปรับปรุงเล็กน้อยเช่น การเปลี่ยนแปลง Process parameter ก็ทำให้กระบวนการดีขึ้นได้เช่นกัน แต่อาจจะเล็กน้อยมากซึ่งหากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วจะไม่เห็นความต่าง เช่น
เดิมเราผลิตชิ้นงาน 100,000 ชิ้นต่อวัน มีของเสียเท่ากับ 500 ชิ้นเป็นปกติคิดเป็น 0.5% = 5000 ppm
หลังปรับปรุงกระบวนกระบวนการแล้ว ผลิตงาน 100,000 ชิ้น มีของเสียเท่ากับ 460 ชิ้น คิดเป็น 0.46% = 4600 ppm
ดูตัวเลขเป็นเปอร์เซนต์แล้วอาจจะไม่เยอะ แต่ถ้าเป็น ppm แล้ว ดูดีทีเดียวเห็นไหมครับ
ตัวเลขนี้จะเห็นว่ามีประโยชน์ยิ่งขึ้น หากเราผลิตชิ้นงานที่มีราคาต่อหน่วยสูงมากๆ ครับ
ขอบคุณอาจารย์ มากครับ
จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิต เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอด
Posted 21 February 2013 - 09:27 PM
ตามกำลังครับ ถ้าปัจจุบัน ยังเป็นโจ๊ก โซคูล อยู่ ก็อาจจะเริ่มวัดจาก % ไปก่อน ทุกๆคนจะได้มีกำลังใจหรือใจชื้นหน่อย
แต่ถ้ากำลังภายในแกร่งกล้าแล้ว ค่อยเอาแว่นขยายมาส่อง โดยการเปลี่ยนหน่วยวัดเป็น PPM or DPM ก็ได้ครับ
คุณนุตรูนคะ....DPM คืออะไรค่ะ...ขอความรู้หน่อยค่ะ ....เหมือน PPM ไหมค่ะ
Posted 21 February 2013 - 09:54 PM
คุณนุตรูนคะ....DPM คืออะไรค่ะ...ขอความรู้หน่อยค่ะ ....เหมือน PPM ไหมค่ะ
PPM = Part Per Million ชิ้น ต่อ ล้าน
DPM
Nukool Thanuanram
Mobile Phone: 097.954.4939
Facebook: Nukool Thanuanram
Fanpage: อาจารย์นุกูล วิทยากรสอนคนโรงงาน
LINE ID: nukool2001
E-Mail: nukool2001@gmail.com
เสือพี่เพราะป่าปก ป่ารกเพราะเสือยัง ดินเย็นเพราะหญ้าบัง และหญ้ายังเพราะดินดี "สรรพสิ่งล้วนเกื้อกูลพึ่งพาอาศัย ซึ่งกันและกัน"
Posted 16 March 2013 - 02:53 PM
สรุปที่ผมเข้าใจนะครับ
การคิดแบบ % กับ PPM ผล ก็คือ เท่า ๆ กัน
แต่ ppm ใช้ความรู้สึก ว่า ppm จะเยอะกว่า % จึงทำให้ความรู้สึกว่าเยอะ แต่ในความหมาย คือ เท่ากัน
ผมคิดถูกต้องหรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ
Posted 18 May 2013 - 02:57 PM
สรุปที่ผมเข้าใจนะครับ
การคิดแบบ % กับ PPM ผล ก็คือ เท่า ๆ กัน
แต่ ppm ใช้ความรู้สึก ว่า ppm จะเยอะกว่า % จึงทำให้ความรู้สึกว่าเยอะ แต่ในความหมาย คือ เท่ากัน
ผมคิดถูกต้องหรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ
วุฒิศักดิ์ครับ
Posted 04 July 2013 - 11:01 AM
เอาแบบตามความเข้าใจของผมเองละกันนะครับ
แนวความคิดนี้น่าจะมีที่มาที่ไปจากการลดของเสียทั่วๆ ไปแหละครับ แต่บังเอิญว่าอยู่มาวันนึงบริษัท Motorola ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์รายใหญ่ที่สุด (ณ เวลานั้น) เกิดประยุกต์ใช้แนวความคิดในการลดของเสียระดับเทพที่เรียกว่า Six Sigma ซึ่งมุ่งเน้นลดความแปรปรวนในกระบวนการ อันจะได้มาซึ่งการลดขอเสียอันมหาศาลตามมา
Sigma เป็นตัวแปรตัวหนึ่งที่ใช้ในการสถิติ คือค่า "เบี่ยงเบนมาตรฐาน" นะครับ
คำว่ากระบวนการในที่นี้ ถ้าเป็นกระบวนการปกติ ก็จะเกิดการกระจายตัวแบบ Normal distribution ขึ้น ซึ่งก็มีผู้รู้ท่านนึง ชื่อ ชิวฮาร์ท ได้บอกว่า ไอ้การควบคุมกระบวนการแบบที่เป็น Normal Distribution เนี่ย หากการกระจายตัวซ้ายขวารวมกันแล้วเกิน 6 sigma ก็ควรจะได้รับการปรับปรุงแล้ว จึงเกิดเป็นเรื่องยุ่งขึ้น เนื่องจากว่าทางสถิติแล้วคำว่าการควบคุมระดับ 6 sigma คือการอนุญาตให้มีของเสียเพียง 3.4 ชิ้น ใน 1 ล้านหน่วยผลิต (3.4 ppm = Part Per Million) ครับ ดังนั้น เมื่อต้องการอยากจะปรับปรุงกระบวนการตามหลักการของ six sigma แล้ว ก็ควรจะสื่อสารในภาษาระดับเดียวกัน จะได้รู้ว่าเราอยู่ห่างจากเป้าหมายเท่าไหร่ การบอกว่าเรามีของเสีย 0.5% มันยังอาจจะหลอกตัวเองอยู่ เพราะหากแปลงเป็น ppm แล้ว จะมีค่าสูงระดับ 5000 ppm เลยครับ
ตอบคำถามที่ว่า ทำไมเราไม่สื่อสารว่าเป็น % เสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ทำไมต้องเป็น ppm ด้วย ?
คำตอบคือว่า หากกระบวนการที่นิ่งแล้ว ก็ยังจะมีของเสียในระดับหนึ่ง เช่น 0.5% = 5000 ppm ในการปรับปรุงกระบวนการให้ของเสียลดลงระดับ "เปอร์เซ็นต์" นั้นเป็นเรื่องยากมากครับ เพราะต้องอาศัยการปรับปรุงในแง่ของเทคโนโลยีเครื่องจักร หรืออื่นๆ ที่ต้องลงทุนมหาศาล แต่บางทีการปรับปรุงเล็กน้อยเช่น การเปลี่ยนแปลง Process parameter ก็ทำให้กระบวนการดีขึ้นได้เช่นกัน แต่อาจจะเล็กน้อยมากซึ่งหากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วจะไม่เห็นความต่าง เช่น
เดิมเราผลิตชิ้นงาน 100,000 ชิ้นต่อวัน มีของเสียเท่ากับ 500 ชิ้นเป็นปกติคิดเป็น 0.5% = 5000 ppm
หลังปรับปรุงกระบวนกระบวนการแล้ว ผลิตงาน 100,000 ชิ้น มีของเสียเท่ากับ 460 ชิ้น คิดเป็น 0.46% = 4600 ppm
ดูตัวเลขเป็นเปอร์เซนต์แล้วอาจจะไม่เยอะ แต่ถ้าเป็น ppm แล้ว ดูดีทีเดียวเห็นไหมครับ
ตัวเลขนี้จะเห็นว่ามีประโยชน์ยิ่งขึ้น หากเราผลิตชิ้นงานที่มีราคาต่อหน่วยสูงมากๆ ครับ
ขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับการแบ่งปันควรามรู้ ^____________^
Posted 02 October 2020 - 01:59 PM
ถ้าของเสียเราเป็น kg. สามารถคิดเป็น PPM ได้มั้ยคับ
Posted 03 October 2020 - 04:34 PM
ผมเคยพบปัญหาเรื่องเป้าหมาย PPM ของลูกค้่าต่อสินค้าที่ส่งมอบ, เป็นงานที่สั่งผลิตทีละไม่มาก ส่งทีละ 10 ชิ้น/เดือน
เจอ NC 1 ชิ้น ยอดทะลุเป้าไปไกลถึง 100,000 PPM (10%) แต่เป้าหมายตั้งไว้ 1,000 PPM (0.1 %)
ด้วยชิ้นงานที่มีจำนวนน้อย ทำให้ชิ้นงาน 1 ชิ้นที่พบ NC ค่าจะสูงกว่าเป้าหมายทันที จึงไม่ต่างกับการกำหนดเป็น Zero Defect ซึ่งยากมาก
อาจไม่ทำให้รู้สึกถึงความท้าทายในการจะหาทางป้องกัน
ส่วนตัวจึงคิดว่า การเอา PPM มาใช้กับงานบางอย่าง เช่น งาน Made to Order แบบนี้ อาจจะไม่เหมาะสมนัก
Krissarakorn..
0 members, 0 guests, 0 anonymous users