ไม่มีค่าใช้จ่าย
โครงการส่งเสริมมาตรฐานความปลอดภัยในโซ่อุปทานของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจากผู้ก่อการร้าย ภัยพิบัติ หรือโจรกรรม
1. หลักการและเหตุผล
ในปัจจุบันบทบาทของการบริหารจัดการโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) มีความสำคัญอย่างมากต่อการประกอบธุรกิจต่างๆ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ มีผู้เกี่ยวข้องในโซ่อุปทานจำนวนมากตั้งแต่ผู้ผลิตวัตถุดิบ ผู้จัดส่ง ผู้ผลิตสินค้า คลังสินค้า ผู้จัดจำหน่าย ผู้กระจายสินค้า ร้านค้าปลีก รวมไปถึงผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายเพื่อให้องค์กรต่างๆ เหล่านี้ทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถผลิตสินค้า และส่งมอบไปยังแหล่งต่างๆ ได้ถูกต้องตามปริมาณ สถานที่ และเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าด้วย ต้นทุนที่ต่ำที่สุด โดยปัจจัยที่สำคัญอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจในโซ่อุปทาน คือ การดูแลรักษาความปลอดภัยและบริหารความเสี่ยงกับส่วนต่างๆ ในโซ่อุปทาน ทั้งการรักษาความปลอดภัยให้กับสินค้าหรือบริการ บุคลากรที่เกี่ยวข้อง อาคารสถานที่ เครื่องจักรอุปกรณ์ ยานพาหนะ ข้อมูลสารสนเทศ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การเกิดโรคระบาดในอาหาร การก่อการร้าย และภัยพิบัติ เป็นต้น ซึ่งหากสิ่งเหล่านี้เกิดการสูญหาย เสียหาย บาดเจ็บ เสียชีวิต หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ จะส่งผลต่อความต่อเนื่องของการดำเนินธุรกิจในโซ่อุปทาน ทั้งในรูปความเสียหายเป็นตัวเงิน และในรูปแบบอื่นๆ เช่น ชื่อเสียง โอกาสทางการตลาด ความเชื่อมั่น ตราสินค้า และองค์ความรู้ที่สำคัญขององค์กร
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ โดยสำนักโลจิสติกส์ เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงดำเนินการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไทยมีระบบการจัดการความปลอดภัย (ISO 28000) โดยการจัดทำโครงการส่งเสริมมาตรฐานความปลอดภัยในโซ่อุปทานของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม จากผู้ก่อการร้าย ภัยพิบัติ หรือโจรกรรม ในปี 2555 เพื่อนำร่องในการให้ความรู้และสร้างความตระหนักแก่ผู้ประกอบการทราบถึงความสำคัญและจำเป็นของระบบการจัดการความปลอดภัยและการบริหารความเสี่ยงในโซ่อุปทานเพื่อการวางแผนป้องกันและฟื้นฟูแก้ไขให้ธุรกิจสามารถดำเนินการอย่างต่อเนื่อง สำหรับปี 2556 เห็นควรให้มีการขยายผลการพัฒนาผู้ประกอบการไปยังสาขาอุตสาหกรรมให้หลากหลายยิ่งขึ้น รวมทั้งยกระดับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการในปี 2555 ซึ่งได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี พลาสติก ยา เฟอร์นิเจอร์ หรืออุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกอื่นๆ ให้พัฒนาสู่มาตรฐานระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management: BCM)
2. วัตถุประสงค์
2.1 เพื่อขยายขอบข่ายการดำเนินการไปยังผู้ประกอบการที่มีการส่งออกอีก 5 สาขาอุตสาหกรรม นอกเหนือจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี พลาสติก ยา และเฟอร์นิเจอร์ ให้มีความรู้เกี่ยวกับข้อกำหนด และเทคนิคการตรวจประเมินภายใน (Internal Audit) มาตรฐานระบบการจัดการความปลอดภัยสำหรับโซ่อุปทาน
2.2 เพื่อพัฒนาซัพพลายเออร์ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการในปี 2555 เข้าสู่มาตรฐานระบบการจัดการความปลอดภัยสำหรับโซ่อุปทาน รองรับการยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการตลอดโซ่อุปทาน
2.3 เพื่อยกระดับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการในปี 2555 และผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่มีความพร้อมให้พัฒนาสู่มาตรฐานระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCM)
3 กลุ่มเป้าหมาย
3.1 ผู้ประกอบการ จำนวน 10 ราย
3.2 ซัพพลายเออร์ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการในปี 2555 จำนวน 3 ราย ในการส่งเสริมให้มีความรู้ความเข้าใจข้อกำหนด หลักการ แนวทางปฏิบัติ ตามมาตรฐานระบบการจัดการความปลอดภัยสำหรับโซ่อุปทาน และมาตรฐานการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ ตลอดจนมีระบบการจัดการความปลอดภัยสำหรับโซ่อุปทานที่สามารถนำไปปฏิบัติ
3.3 สถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการในปี 2555 และ/หรือ สถานประกอบการอื่นๆ จำนวน 2 ราย ในการขยายผลมาตรฐานระบบการจัดการด้านการรักษาความปลอดภัยในโซ่อุปทาน สู่ระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCM)
กำหนดการเปิดตัวโครงการ (Kick off)
วันที่ 21 มิถุนายน 2556 เวลา 9:00 – 13:00 น
ณ ห้องปาริชาติ โรงแรมโกลเด้นทิวลิป ซอฟเฟอริน ถ.พระราม 9 กรุงเทพฯ
เวลา รายละเอียด
08:00 - 09:00 น. ลงทะเบียน
09:00 - 09:15 น. กล่าวเปิดงาน
โดย ผู้แทนกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
09:15 - 10:00 น. ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับมาตรฐานระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCM)
10:30 - 10:45 น. รับประทานอาหารว่าง
10:45 - 11:15 น. แนะนำโครงการและการดำเนินโครงการ
11:15 - 12:00 น. มุมมองของผู้ประกอบการเกี่ยวกับมาตรฐาน ISO 28000 หรือ BCM ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน โดย ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการปี 2555 และผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรอง ISO28000 หรือ BCM
12:00 - 13:00 น. ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน
