จากที่ได้ไปเทรนมามีความสงสัยเกี่ยวกับ ความแตกต่างของ Cp, Cpk, Pp, Ppk
ช่วง trial ก่อนที่จะ mass pro ควรใช้ Pp, Ppk > 1.67 ถูกไหมครับ
ส่วนหลัง trial หรือ ช่วง mass pro ไปแล้ว ควรใช้ Cp, Cpk > 1.33 ถูกไหมครับ
Posted 11 October 2013 - 09:06 PM
จากที่ได้ไปเทรนมามีความสงสัยเกี่ยวกับ ความแตกต่างของ Cp, Cpk, Pp, Ppk
ช่วง trial ก่อนที่จะ mass pro ควรใช้ Pp, Ppk > 1.67 ถูกไหมครับ
ส่วนหลัง trial หรือ ช่วง mass pro ไปแล้ว ควรใช้ Cp, Cpk > 1.33 ถูกไหมครับ
Posted 12 October 2013 - 09:53 AM
ถูกต้องแล้วคร๊าบ
Posted 12 October 2013 - 08:21 PM
ในส่วนของ trial ที่ถามว่าเป็น Pp, Ppk คำตอบคือ ใช่ และ ไม่ใช่ครับ
ช่วงของการ trial ยังไงก็ตามควรใช้ Cpk เป็นหลักครับ เนื่องจากตามนิยามแล้ว การประเมิน Cpk มีวัตถุประสงค์ก็เพื่อประเมินว่า ด้วย capablity เท่านี้ในช่วงทดลองผลิต หากเป็นช่วง Mass production แล้วจะพอไหวหรือไม่
อย่างไรก็ดี มีข้อยกเว้นให้เล็กน้อยคือ หากเรารู้ว่ากระบวนการของเรายังไงก็มี Special Cause of Variation แน่นอน ก็อนุโลมใช้ Ppk ได้ครับ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู๋กับลูกค้าด้วย
เหตุผลอีกข้อหนึ่งที่เราควรใช้ Cpk ในการประเมินความสามารถของกระบวนการในช่วง trial เนื่องจากเราต้องการหาค่า setting ต่างๆ ที่ดีที่สุดสำหรับ control chart ซึ่งหมายถึงพวก Centerline, UCL, LCL นั่นเอง โดยการประเมินดังกล่าวควรได้ข้อมูล Variation ของกระบวนการที่ละเอียดเพียงพอ ซึ่งค่า Ppk ให้ไม่ได้ เพราะ Cpk จะเป็นการหา Process Capability โดยคำนึงถึงความผันแปรที่เรียกว่า Within subgroup variation ในขณะที่ Ppk จะได้แต่ overall variation ที่แม้จะเป็นภาพรวม แต่ละเอียดน้อยกว่าครับ อีกอย่าง การทำตรงนี้ใน PPAP Manual บอกไว้ชัดเจนว่าข้อมูลต้องได้จาก 25 subgroups และขั้นต่ำ 100 readings ซึ่งก็จะเข้าทางการคำนวณหา Cpk ด้วยครับ
Posted 17 October 2013 - 12:06 AM
Posted 17 October 2013 - 07:42 PM
เกณฑ์ที่ว่านั้นหลักๆ อาจต้องคุยกับลูกค้าครับ ว่าต้องการเท่าไหร่
Ppk, Cpk ใช้ USL/ LSL เหมือนกันนะครับ ต่างกันที่ Sigma ที่นำมาใช้ครับ
0 members, 0 guests, 0 anonymous users