[ถอดความจากเพจ ISOTUTOR]
ISO Tutor ในตอนที่ 10 จะเสนอ ข้อกำหนด ISO9001:2015 ข้อกำหนด 7.1.4 สภาพแวดล้อมของการดำเนินงานกระบวนการ
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังทุกท่าน นะครับ พบกับ ISO Tutor ตอนที่ 10 ครับซึ่งก็จะนำเสนอในข้อกำหนด iso 9001 version 2015 ในตอนนี้จะเป็น ข้อกำหนดที่ 7.1.4 นะครับ สภาพแวดล้อมของการดำเนินกระบวนการ
ในข้อกำหนดมีการใช้คำว่าสภาพแวดล้อมของการดำเนินกระบวนการ แทนคำว่าสภาพแวดล้อมของการทำงานนะครับ ซึ่งเป็นคำที่กำหนดไว้ ในข้อกำหนดเดิมคือ iso 9001 2008 นะครับ ซึ่งตรงนี้ ในข้อกำหนดใหม่เขาบอกว่า ต้องมีการกำหนดจัดเตรียม คงรักษาสภาพแวดล้อมของการดำเนินกระบวนการ ซึ่งกระบวนการที่ว่าเนี่ยอ่ะ เป็นกระบวนการที่จำเป็นนะครับ สำหรับการปฏิบัติการต่างๆ เพื่อบรรลุถึงความสอดคล้อง ตามข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ หรือ บริการ
ซึ่งสภาพแวดล้อมในแต่ละกระบวนการนะฮะ มันอาจจะมีผลกระทบกับความสอดคล้อง ตามข้อกำหนดที่ว่ามันเนี่ย มันไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างในโรงงานสักที่นึงนะครับ พูดถึงเรื่องของแอร์เครื่องปรับอากาศปรับอากาศใน warehouse ใน store ใน warehouse ที่เก็บวัตถุดิบ ซึ่งวัตถุดิบตรงนี้เนี่ย มันมีเงื่อนไขว่าจะต้องเก็บในอุณหภูมิที่ ไม่เกิน 20 องศาเซลเซียส เกินกว่านี้วัตถุดิบจะเสื่อมสภาพ ซึ่งตรงนี้เราก็จะมาตีความได้ว่า ตัวที่เป็นเครื่องปรับอากาศ และอุณหภูมิตรงนี้ มันมีผลกระทบ กับ ความสอดคล้องของตัวผลิตภัณฑ์นะครับ และถ้าเกิดเป็นสถานการณ์ ที่คล้ายคล้ายกัน อย่างเช่นเครื่องปรับอากาศแอร์เสีย แอร์ไม่เย็น ที่มีในส่วนของสำนักงาน ส่วนออฟฟิศ ซึ่งมีหน่วยงานขาย จัดซื้อนะครับ หรือวางแผน หรืออะไรต่างๆ เนี่ย อยู่ตรงนั้น แอร์ไม่เย็นและผลกระทบอาจจะมากที่สุดแค่ ความไม่สะดวกสบายนะ แต่ผลกระทบที่ว่าเนี่ย มันไม่มีผลกระทบ กับความสอดคล้องของผลิตภัณฑ์หรือบริการ
เพราะฉะนั้นตรงนี้ สภาพแวดล้อม ในเรื่องของอุณหภูมิ มันอาจจะ เกี่ยวข้อง หรือมีส่วนสำคัญ เฉพาะในส่วนที่เป็น แวร์เฮ้าส์ ที่ผมยกตัวอย่างไป เพราะฉะนั้นตรงนี้ ในแต่ละองค์กร ในเงื่อนไขเดียวกัน นะครับ มันอาจจะมีผลกระทบ ต่อสิ่งที่เป็นความสอดคล้องต่างกันนะ เพราะฉะนั้นต้องตีความว่า สภาพแวดล้อมเราจะต้อง มีการดูแลอะไรบ้าง ในแต่ละกระบวนการ ซึ่งมันไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น สภาพแวดล้อมที่มันอาจจะไม่มีผลกระทบเราอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญตรงนี้เท่าไหร่
อย่างอีกตัวอย่างหนึ่งก็คือว่า ในโรงงานผลิตบางโรงงาน บาง เค้าเรียกบางอุตสาหกรรมเนี่ย มีฝุ่น ไม่ได้เลยฮะ แม้แต่นิดเดียว เห็นฝุ่นเห็นอะไรไม่ได้เลย มันมีผลกระทบต่ออะไรฮะ ทำให้ผลิตภัณฑ์มันเสื่อมสภาพ ยกตัวอย่าง อย่างเช่นพวกโรงงานอาหาร มีฝุ่นไม่ได้ แต่ถ้าเกิดเราไปมองอีกโรงงานหนึ่ง ซึ่งเป็นอะไรฮะ เป็นเป็นโรงกลึง เป็นโรงกลึงเหล็ก เราจะเห็นว่า ตัวฝุ่นที่ว่าเนี่ยนะฮะ ฝุ่นหนา หรือฝุ่นเยอะ มันไม่มีผลกระทบกับความสอดคล้องของผลิตภัณฑ์ เพราะฉะนั้น คำว่าสภาพแวดล้อมตรงนี้ เราก็ต้องดูมันเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวนะครับ
ในข้อกำหนดเขาให้ตัวอย่างของสภาพแวดล้อม ไว้หลายตัวด้วยกันนะฮะ ซึ่งก็เพิ่มเติม ขึ้นจากเดิมสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับองค์กร โดยทั่วไปโดยเฉพาะโรงงานนะฮะ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่อง ของกายภาพอย่างเช่นอุณหภูมิความร้อนความชื้น แสงสว่าง การระบายอากาศ สุขอนามัย และเสียง ซึ่งในข้อกำหนด เขามีการเพิ่มเติม ในเรื่องของสังคม จิตวิทยา นะครับ อย่างเช่น ในเรื่องของ การบริหาร ในเรื่องของความเครียด การป้องกันการเหนื่อยล้านะฮะ หรืออาจจะเป็นในเรื่องของความขัดแย้ง ในองค์กรหรืออะไรต่างๆ ตรงนี้ก็ต้องมาวิเคราะห์ว่า องค์กรเราจะมาประยุกต์ใช้ข้อกำหนด ตรงนี้เนี่ยนะฮะ สภาพแวดล้อมอะไรที่มันมาเกี่ยวข้องกับความสอดคล้องของผลิตภัณฑ์หรือบริการ
สมมติว่าเราเป็นงานบริการ เป็นโรงแรมอะไรที่ทำให้งานบริการ มันเกิดความไม่สอดคล้อง เช่น อะไรฮะ ไปอารมณ์เสียใส่ลูกค้า ไปด่าลูกค้า หรืออะไรเนื่องจากสภาพแวดล้อมในการทำงานไม่ดี ทำให้หงุดหงิด อย่างเช่นพวกที่ เป็นพนักงานรับโทรศัพท์ บางทีมีความเครียดในแต่ละวันเนี่ย ก็คือมีลูกค้าโทรมาต่อว่าอะไรต่างๆ เนี่ย มีความเครียด จะมีการบริหารความเครียด ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างหนึ่งตรงนี้ยังไง ซึ่งตรงนี้ก็อาจจะต้องหาวิธี เราอาจจะต้องมีการ ดำเนินการเพื่อควบคุม หรือบริหารสภาพแวดล้อมตรงนี้ยังไง เพื่อไม่ให้มามีผลกระทบกับความสอดคล้อง ของผลิตภัณฑ์หรือบริการนะครับ
ซึ่งตรงนี้ ในข้อกำหนดก็คงไม่มีวิธีการที่ตายตัว ไม่ว่าจะทำยังไง องค์กรก็ต้องไปหาวิธี จะบริหารสภาพแวดล้อมตรงนี้ยังไงบ้างนะครับ โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับความสอดคล้องของผลิตภัณฑ์บริการ หรือความพึงพอใจของลูกค้า ที่ผมได้พูดถึง
ต่อไปนะฮะ เป็นข้อกำหนดในเรื่องของทรัพยากรเฝ้าติดตามและวัดกลับ 7.1.5 เป็นข้อกำหนดทั่วไปนะครับอุปกรณ์ที่ใช้ในการเฝ้าติดตามและวัด ตรงนี้ก็อาจจะหมายถึง อาจจะเป็นเครื่องมือวัด ถ้าในโรงงาน จะมีการใช้เครื่องมือวัดค่อนข้างเยอะ อาจจะเป็นเครื่องมือที่ใช้วัดขนาด วัดมิติต่างๆ เช่นเวอร์เนีย อาจจะเป็นเครื่องชั่ง หรือเป็นเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้วัดทางไฟฟ้า หรืออาจจะเป็นเกรด เป็นเกรดวัด ที่เอามา จะมีการเอามาวัดค่าขนาด ของชิ้นงานผ่านหรือไม่ผ่าน หรืออะไรประมาณนี้นะครับ
เพราะฉะนั้นเครื่องมือวัด หรืออุปกรณ์วัดพวกนี้ เราจะต้องมีการจัดเตรียมทรัพยากรเหล่านี้อย่างเพียงพอเพื่อให้มั่นใจว่า เวลาเรามีการผลิต มีการดำเนินงานต่างๆ แล้ว ตัวที่เราทำออกมา มันจะมีความสอดคล้องตามข้อกำหนด ของผลิตภัณฑ์ นะครับ หรือบริการ งานบริการส่วนใหญ่ หรือส่วนหนึ่ง จะไม่สามารถประยุกต์ใช้ ในข้อกำหนดนี้ได้ เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ ไม่มีอะไรที่มาใช้วัดนะ ซึ่งการดำเนินการบริการ ถ้าเกิดมีการเฝ้าติดตาม และการวัด บางทีอาจจะเป็นการวัดอย่างอื่น เป็นการใช้คน ใช้คนในการวัด ซึ่งคนก็คือทรัพยากรเหมือนกันนี่แหละ เพียงแต่ว่าคนนี่ล่ะ จะไปอิงในแง่ความสามารถ ความสามารถของคนแทนแต่ในข้อกำหนดนี้ อาจจะมองในเรื่องที่เราใช้ เครื่องมือใช้อะไรต่างๆ ในการวัด การสอบกลับได้ของการวัด เขาบอกว่า ถ้ามันเป็นข้อกำหนด ถ้าเป็นข้อกำหนดหมายถึงว่า มันมีอะไรสักอย่างมาบอกให้ จะต้องสอบกลับได้ สอบกลับได้ของเขาเรียก ของผลการวัดผล ของผลการวัดว่า คุณเอาชิ้นงานตนไปชั่ง ชั่งแล้วมันอ่านค่า ได้ 5.55 g เอ้ย ตกลงไอ้ 5.55 เนี่ย มันถูกต้องไหม มันสามารถยืนยันได้ไหม ตอบกลับได้ไหมว่า เออ การวัดตรงนี้มันถูกต้องแน่นอนแค่ไหน ถ้ามีอะไรสักอย่างที่มากำหนดตรงนี้ อย่างเช่น อาจจะเป็นข้อกำหนดของลูกค้า ข้อกำหนดของลูกค้าที่บอกว่า เฮ้ย คุณจะต้องมีการ ให้สามารถที่จะยืนยัน สอบกลับได้ ของการวัดตรงนี้นะ หรือบางทีอาจจะเป็นกฎหมาย อาจจะเป็นกฎหมาย ที่เป็นมาตรฐานต่างๆ ตรงนี้จะต้องมีการสอบเทียบ มีการสอบเทียบหรือทวนสอบ มีการคาริเบท หรืออาจจะมีการทำทั้งสองอย่างวัตถุประสงค์ของการ การทวนสอบ หรือการสอบเทียบตรงนี้ เพื่อยืนยันว่ามันถูกต้องมั้ย ไอ้การวัดหรืออุปกรณ์ที่ใช้วัดเนี่ย มันมีความถูกต้องหรือเปล่า อย่างไอ้เครื่องชั่งเนี่ย ที่คุณใช้ชั่งน้ำหนักที่ว่าเนี่ย ไอ้ 5.5 กรัมเนี่ย มันเป็นค่าที่ถูกต้องหรือเปล่า เมื่อเทียบกับมาตรฐาน ที่มันรู้ค่า เพราะฉะนั้นไอ้มาตรฐานที่มันรู้ค่าเนี่ย ไม่ว่าคุณจะชั่งที่ไหน ไม่ว่าคุณจะเอาเวอเนียร์ไปวัดชิ้นงาน วัดยังไงก็ตาม ลูกค้า วัดชิ้นงานเดียวกันมันจะต้องออกมาเหมือนกัน มันจะต้องออกมา เขาเรียกว่ามัน มันเทียบกันได้นะ ไม่ใช่ว่าเราวัดไป แล้วก็ผ่านแต่ลูกค้าเอาไปวัดของเขา ลูกค้าบอกไม่ผ่าน นั่นแสดงว่ามันไม่ใช่มาตรฐานเดียวกัน
เพราะฉะนั้นการที่ทำให้มันเกิดความถูกต้องเมื่อเทียบกับค่าจริงตรงนี้นะฮะ ก็คือเราจะใช้การสอบเทียบหรือทวนสอบ ซึ่งจริงๆ สองคำนี้ มันก็ มีความคล้ายคลึงกันนะ เพียงแต่สอบเทียบ มันอาจจะค่อนข้างที่จะมีพิธีการ มีอะไรต่างๆ มากหน่อย ต้องมีการสอบเทียบทวนสอบนะ ก็คือว่าจะเอาไปเทียบค่าวัด ตกลงแล้วนี่แหละเครื่องมือวัดของเรา เมื่อเทียบกับมาตรฐานที่เขารู้ค่า มันมีความถูกต้องไหม มันคลาดเคลื่อนไปเท่าไหร่ หรือบางที ถ้าเกิดมันคลาดเคลื่อน อาจจะมีการปรับ มีการ As Just อะไร ให้มันถูกต้อง ให้มันอยู่ในค่าที่มันยอมรับได้ อะไรประมาณนี้นะครับ ซึ่งตรงนี้ จริงๆ แล้ว ในรายละเอียดของเรื่องนี้ มันค่อนข้างที่จะเยอะนะครับ ซึ่งเราก็ต้องมีการมาหาวิธี ว่าจะวางระบบ ในเรื่องการสอบเทียบ ทวนสอบตรงนี้ยังไง และก็ต้องมีการชี้บ่ง เพื่อกำหนดสถานะ มีการ อย่างเช่น ใช้การติดสติ๊กเกอร์เพื่อ ชี้บ่ง ว่ามี เออ มีการสอบเทียบไปเมื่อไหร่นะฮะ แล้วก็ถึงกำหนดในการสอบเทียบอีกครั้งเมื่อไหร่ อย่างนี้เป็นต้นนะฮะ
แล้วก็มื่ออดำเนินการสอบเทียบ หรือปรับเทียบเสร็จแล้วเนี่ย ก็ต้องป้องกัน ไม่ให้มีการ ไปปรับแต่ง ที่ทำให้ค่าความถูกต้อง ที่ได้มีการยืนยันมานั้นเนี่ย มันสูญเสียไป แล้วก็ ถ้า ผลในการสอบเทียบ ทวนสอบ มันไม่ผ่าน เราก็ต้องมา มาพิจารณาว่าที่วัดๆ มา มันมีผลกระทบหรือไม่ เนื่องจากเรา มีการไปสอบเทียบแล้วเนี่ย มันไม่ผ่าน คือค่ามันไม่ถูกต้อง แล้วผลที่วัดมานะฮะ ความถูกต้องของผลการวัดก่อนๆ เนี่ยมัน มีผลกระทบไหม เราจะต้องทำอะไรสักอย่างหรือเปล่า เช่น จะต้องแจ้งลูกค้าไหม หรือว่าจะต้องมีการ เรียกเอาตัวสินค้าที่ได้มีการใช้เครื่องมือตัวนี้ วัดไปแล้ว ผลคือผ่าน ต้องมาวัดซ้ำหรือเปล่า โดยใช้อุปกรณ์ที่ มีการสอบเทียบปรับเทียบ อย่างถูกต้องแล้วนะครับ ตรงนี้ก็คือ ให้หาวิธีการดำเนินมาตรการตามความจำเป็นนะครับ
