[ถอดความจากเพจ ISOTUTOR]
ISO Tutor ในตอนที่ 11 จะเสนอ ข้อกำหนด ISO9001:2015 ข้อกำหนด 7.1.6 ความรู้ขององค์กร
พบกับ ISOTUTOR ในตอนที่ 11 นะครับ ซึ่งจะเป็นการอธิบายถึงข้อกำหนด iso 9001 version 2015 นะครับ ในตอนนี้ จะเป็นข้อกำหนดที่ 7.1.6 ความรู้ขององค์กรนะครับ หรือว่า Organization knowledge ในข้อกำหนดนี้นะฮะ เป็นข้อกำหนดใหม่ ที่ไม่ได้มีพูดถึงมาก่อนในข้อกำหนด iso 9001 version 2008 นะครับ ถือเป็นข้อกำหนดที่มีคำนี้เข้ามาใหม่นะครับ คือคำว่าความรู้ กับองค์กร องค์กรต้องมีการกำหนดถึง ความรู้ที่จำเป็น นะครับ สำหรับการดำเนินการของกระบวนการต่างๆ นะครับ รวมถึงเพื่อความสอดคล้องของผลิตภัณฑ์และบริการนะครับ ที่นี้องค์กรต้องมา พิจารณาก่อนว่า มันมีความรู้อะไรบ้าง เป็นความรู้ที่จำเป็นนะครับ แล้วก็จำเป็นสำหรับดำเนินกระบวนการต่างๆ นะฮะ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการหลักหรือกระบวนการสนับสนุน สมมุติองค์กรเป็นโรงงานผลิต มันมีองค์ความรู้อะไร มันเป็นความรู้ที่จำเป็นสำหรับ การผลิตรวมถึงดำเนินกระบวนการ อื่นๆ เช่นกระบวนการคลังสินค้า กระบวนการออกแบบ กระบวนการขาย กระบวนการจัดซื้อ อย่างนี้เป็นต้น อะไรคือความรู้ที่จำเป็น ความรู้มันจะอยู่กับคนก็ได้นะครับ หรือความรู้อาจจะไม่ได้อยู่กับคนก็ได้
อย่างเช่น อาจจะอยู่กับสื่ออื่นนะ อาจจะเป็นหนังสือ เป็นคู่มือที่เราเขียนไว้ อยู่ในสื่อวีดีโอ เป็นบันทึกเสียงเป็นอะไรต่างๆ นะครับ ความรู้ที่อยู่กับคนคืออะไร ความรู้ที่อยู่กับคนนะ ผมยกตัวอย่าง อย่างเช่น สมมติมีธุรกิจเล็กๆ มีธุรกิจเล็กๆ สักอย่างนึงอ่ะ สมมุติว่าทำขนมเค้ก ทำขนมเค้ก ที่อร่อยมากนะครับ เป็นร้านที่เก่าแก่และสืบทอดสูตรโบราณ เค้กอร่อยมาตั้งแต่รุ่นเค้าเรียกรุ่นทวด รุ่นอะไรต่างๆ ซึ่งตรงนี้ แสดงว่า ที่ร้านนี้ เค้ามีองค์ความรู้ ในเรื่องของการผลิต มีสูตรมีอะไรต่างๆ ที่คนอื่นไม่รู้ จะพยายามเลียนแบบอะไร ยังไงก็ไม่ได้อ่ะ
มันเป็นความรู้ของเขา ซึ่งความรู้นี้อยู่กับคน สมมติว่าอยู่กับเถ้าแก่ เถ้าแก่ก็จะเป็นคนทำ ทำขนมเค้กทำอะไรเองนะครับ แล้วเมื่อมีลูก ก็อาจจะถ่ายทอดความรู้ตรงนี้ ให้กับลูก นะครับ ซึ่งลูกก็จะสามารถที่จะสืบทอดกิจการนักทำขนมเค้กในสูตรเดียวกัน ก็คือคงรักษาความรู้ตรงนี้ ของ คนที่เป็นรุ่นพ่อไว้ นะฮะ แต่ที่นี้ ถ้าสมมุติว่าอ่า ลูก รุ่นลูกที่ได้รับการสืบทอด ตรงนี้เกิดเป็นอะไรไป ความรู้ตรงนี้ก็จะหายไป ไปพร้อมกับคน นะฮะ ความรู้ตรงนี้ก็ไม่สามารถที่ เขาเรียกว่าคงรักษาอยู่ไว้ ประจำตระกูลต่อไปได้นะครับ ทีนี้ถ้าเกิดอยากที่จะกระจายความรู้ตรงนี้ล่ะ อ่ะสมมุติมีรุ่นลูกอีกคนหนึ่งน่ะ มีความคิดว่าอยากที่จะเปิดร้านเค้ก โดยที่จะเปิดทุกสาขานะฮะ ในในทุกจังหวัด จังหวัดละ 1 สาขา โดยดีว่าเป็นสูตรเค้ก สูตรเดียวกันหมดนะ เค้าจะทำยังไง เขาไม่สามารถที่จะไป ปรุงส่วนผสมอะไรต่างๆ ในทุกจังหวัดได้ เพื่อขายทุกวัน เขาจะต้องมีการกระจาย องค์ความรู้ตรงนี้ไป ซึ่งจะเป็นการกระจายยังไงก็ได้ อาจจะเป็นจากคนสู่คน เช่น รับสมัครคน หรือ ว่าแต่งตั้งคนมาดูแล จังหวัดละ 1 คน มีการฝึกอบรม มีการสอน ฝึกทักษะ จนกระทั่ง ทำเป็น หรืออาจจะมีการกระจาย ในรูปแบบของเขียนไว้เป็นสูตร เป็นคู่มือ เป็นแฟรนไชส์ ที่แบบว่า เออ สามารถที่จะเอาไป ไปเอาหนังสือเล่มนี้ไป แล้วก็สามารถที่จะไปปรุงส่วนผสมต่างๆ ให้เหมือนกับต้นตำรับนะฮะ และนี่คือความรู้เนี่ย ได้ถูกถ่ายทอดไปสู่หนังสือ เป็นคู่มือ เป็นตัวหนังสือ หรืออาจจะเป็นวีดีโอนะ เหมือนกับที่เราไปเรียนรู้การทำขนม จากในยูทูป อะไรประมาณนั้น นั่นก็คือว่าความรู้เนี่ย ได้มี การเค้าเรียกกระจายจากคนนะฮะ ไปสู่สื่อต่างๆ ที่นี้มันขึ้นอยู่กับว่า เราต้องการที่จะให้ความรู้เนี่ย อยู่กับคนนะฮะ หรือต้องการให้ความรู้ไปอยู่กับแหล่งเงินอื่นๆ สื่ออื่นๆ นะ อันนี้อยู่ที่วัตถุประสงค์นะครับ
อ่ะอย่างเช่น หันกลับมาดูที่ องค์ก่อนนะครับ ความรู้ขององค์กรอาจจะอยู่กับคน โดยเฉพาะคนเก่า คนแก่สมมติว่า ในส่วนของการผลิตเนี่ย อาจจะมีคน ที่มีความรู้ความสามารถ สักคนหนึ่ง ในการทำงาน กับเครื่องจักร เครื่องหนึ่ง และคนอื่นนี่ก็ อาจจะไม่สามารถ ที่จะทำได้เก่ง เท่าคนนี้ คนนี้มีประสบการณ์นะลองผิด ลองถูก แล้วทีนี้มันก็จะอยู่ในความจำของเขานะครับ ทีนี้ถ้าเกิดเราอยากรักษาองค์ความรู้ โดยที่ว่าเรารักษาคน คนๆ นี้ไว้ก็ได้ ก็คือทำยังไงให้เขาอยู่กับองค์กร ให้ความรู้นี้ อยู่กับองค์กร ก็คืออยู่กับคนนะฮะ แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น เป็นที่รู้กันว่า ด้วยให้องค์ความรู้อยู่กับคน มันก็มีความเสี่ยง สมมตินายคนนี้ถูกซื้อตัวไป หรือลาออกไป ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ความรู้ตรงนี้ มันก็จะติดไปกับคนนะฮะ
ที่นี่ถ้าเกิดเราอยากที่จะลดความเสี่ยงตรงนี้ ก็คือว่า อาจจะมีการกระจายองค์ความรู้ นะฮะ เขียนเป็นคู่มือไว้นะฮะ อัดเป็นวีดีโอไว้ หรือทำเป็น อย่างเช่น เอกสารในระบบ นะ อย่างเช่น พวก work instruction หรือเอกสารประเภทอื่นๆ นะ เพื่อรักษาองค์ความรู้ไว้ อยู่กับองค์กรตรงนี้ มันก็จะเป็นวิธีการที่ดีนะ ในข้อกำหนดเค้าก็ไม่ได้ไม่ได้บอกว่า ให้คุณนั้น ต้องเน้น ที่เขียนความรู้ไว้นะฮะ จะใช้ความรู้อยู่กับคนก็ได้ หรือจะเขียนหรือจะทำ อยู่ในสื่ออะไรก็ได้ แต่ขอให้รักษา นะฮะ หรือว่าคงรักษา ความรู้ตรงนี้ และพร้อมนำมาใช้งานเมื่อจำเป็น และพร้อมนำมาใช้งานเมื่อจำเป็น คุณจะคงรักษาโดยวิธีการไหนก็ได้ นะฮะ บางทีไอ้คงรักษาองค์ความรู้ที่ว่าเนี่ย มันอาจจะเป็นในลักษณะที่ว่าจ้าง คนข้างนอกเข้ามา ประมาณว่าเราสะดวก ที่จะจ้างคนข้างนอก อาจจะเป็นเอาท์ซอร์ส เข้ามาทำงานตรงนี้ ตรงนี้ ก็ถือว่าเป็นการคงรักษาความรู้เช่นกัน ก็ถือว่าเราสามารถหาได้ นำมาใช้งานได้ ไม่ว่าจะทำยังไง แต่ทีนี้ วิธีการที่ อยากจะแนะนำ นะฮะ หรือวิธีการที่มันเป็นแนวทางของ iso ระบบคุณภาพระบบอื่น มายาวนานและ นั้นก็คือ อาจจะมีการทำเป็นเอกสาร ในระบบ ทำเป็นเอกสารไว้ ซึ่งเอกสารตรงนี้ มันเป็นวิธีการที่ดี วิธีการหนึ่งนะฮะ ที่จะคงรักษา ความรู้ตรงนี้ไว้ และให้อยู่กับองค์กรนะ ถึงแม้ว่าข้อกำหนด อาจจะไม่ได้บังคับ ว่าต้องมีเอกสาร หรืออะไรก็ตามนะ แต่การเขียนเอกสารไว้ ถือว่าเป็นเป็นวิธีการที่ดี ที่จะสามารถคงรักษา ความรู้ไว้กับองค์กรได้
ที่นี้ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง หรือ มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงนะครับ เราก็ต้องพิจารณาว่า ไอ้ความรู้เนี่ยมันเพียงพอหรือยัง จำเป็นที่จะต้อง เอาความรู้ข้างนอก เข้ามาหรือเปล่า สมมุติว่า เราซื้อเครื่องจักรใหม่มา ซื้อเครื่องจักรใหม่มา เป็นเทคโนโลยีล่าสุด บุคลากรที่เก่งๆ ในโรงงานในบริษัทนี้ ไม่สามารถที่จะทำตรงนี้ได้เลยนะฮะ เราก็ลองพิจารณาหาองค์ความรู้จักภายนอกมา นะฮะ
อย่างเช่นอาจจะขอให้ผู้ขายมาอบรมให้ หรือว่าอาจจะมีการส่งบุคลากรเราไปอบรมภายนอก ที่มีผู้ที่เกี่ยวข้องจัด จัดให้มีการฝึกอบรม ซึ่งตรงนี้มันก็เป็นการ ที่จะได้รับองค์ความรู้เพิ่มเติมนะครับ จากที่เรามีอยู่เพื่อให้ตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงนะครับ ซึ่งความรู้ตรงนี้ เขาบอกว่ามันมาจากจาก ทั้งภายในภายนอก ภายในก็จะเป็น พวกทรัพย์สินทางปัญญา หรือความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ จากการลองผิดลองถูก อย่างเช่น จากการทำงานแต่ละวัน เดี๋ยวมันก็จะมีองค์ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา
อย่างเช่น มันอาจเจอปัญหาตรงนี้ ก็จะมีการแก้ปัญหา มันก็จะเกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ เข้ามา ตรงนี้ก็คือความรู้ที่เป็นอยู่กับภายในองค์กรนะครับ ทีนี้เราจะทำยังไง ให้ความรู้ตรงนี้ มันอยู่กับเรานะ อาจจะพิจารณา ทำเป็นเอกสาร เขียนไว้นะฮะ หรือความรู้ อาจจะมา จากแหล่งภายนอก เช่น มาตรฐานสถาบันการศึกษา การประชุม อบรม อะไรต่างๆ หรือมาจากผู้ขาย หรือเอาซอส ภายนอก อะไรต่างๆ พวกนี้นะครับ ตรงนี้เราต้องมาพิจารณาและสรุปอีกครั้งหนึ่ง คือว่าเราต้องมาพิจารณากำหนด อีกครั้งนะว่าองค์ความรู้ หรือความรู้ที่จำเป็นนะ ของกระบวนการต่างๆ มีอะไรบ้าง โดยอาจจะเน้นไปที่ความรู้ ในกระบวนการหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำผลิตภัณฑ์ หรือบริการให้สอดคล้องนะ แต่กระบวนการสนับสนุนก็คงจะไม่สามารถมองข้ามไปได้ เนื่องจากบางทีเค้าก็อาจจะ มีองค์ความรู้ที่จำเป็น เช่น สมมติว่า หน่วยงานฝ่ายขาย ฝ่ายขาย ก็คือ เค้าต้องมีความรู้อะไรล่ะ อาจจะเป็นความรู้ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ความรู้เกี่ยวกับกลวิธีการขาย ขายอย่างนี้เนี่ย มันสามารถทำให้ปิดการขายได้ อ่ะสำหรับ สำหรับผลิตภัณฑ์บริการนี้ เป็นต้น นะครับ รวมถึงใน กระบวนการให้อื่นๆ มันก็จะมีองค์ความรู้ที่จำเป็นนะ เป็นองค์ความรู้ที่เราจะต้องรักษาไว้ให้อยู่กับองค์กรนะครับ