24 replies to this topic

[A O I]

หลังจากเวอร์ชั่น 2008 ประกาศใช้แล้ว Internal auditor จำเป็นต้องได้รับใบรับรองการฝึกอบรมสำหรับการตรวจประเมินภายในสำหรับเวอร์ชั่น 2008 ก่อนทำการตรวจประเมินจริง ด้วยมั้ย
ถ้า CB ตรวจพบว่าไม่มีหลักฐานนี้ จะถือเป็น CAR ด้วยมั้ยค่ะ
รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยค่ะ

[Toppy ('o')]

CB อาจจะไม่มั่นใจว่า Auditor มีความรุ้เพียงพอหรือป่าว อาจจะออกได้นะครับ

[นุกูล]

หลังจากเวอร์ชั่น 2008 ประกาศใช้แล้ว Internal auditor จำเป็นต้องได้รับใบรับรองการฝึกอบรมสำหรับการตรวจประเมินภายในสำหรับเวอร์ชั่น 2008 ก่อนทำการตรวจประเมินจริง ด้วยมั้ย
ถ้า CB ตรวจพบว่าไม่มีหลักฐานนี้ จะถือเป็น CAR ด้วยมั้ยค่ะ
รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยค่ะ

เคยมีกรณีศึกษาตอนที่ ISO14001 เปลี่ยนเป็น Version 2004 แต่ Internal Auditor ไม่ได้รับการฝึกอบรม Version ใหม่
ก็ทำให้โดน CAR จาก CB ไปครับ

ข้อกำหนดที่ CB อ้างอิง ก็คงจะเป็นข้อ 8.2.2 + 6.2 นี่แหละครับ เรื่องการกำหนดคุณสมบัติที่เหมาะสมของบุคลากร

แนะนำว่า ควรจัดให้มีการอบรมให้ Internal Auditor ด้วยครับ 2 หลักสูตรก็น่าจะโอครับ
1.ISO9001:2008 Requirement & Implementation
2.ISO9001:2008 Internal Audit
อบรมให้ไปก่อน work ไม่ work ค่อยว่ากันอีกที

[App-Ple-Pao]

เคยมีกรณีศึกษาตอนที่ ISO14001 เปลี่ยนเป็น Version 2004 แต่ Internal Auditor ไม่ได้รับการฝึกอบรม Version ใหม่
ก็ทำให้โดน CAR จาก CB ไปครับ

ข้อกำหนดที่ CB อ้างอิง ก็คงจะเป็นข้อ 8.2.2 + 6.2 นี่แหละครับ เรื่องการกำหนดคุณสมบัติที่เหมาะสมของบุคลากร

แนะนำว่า ควรจัดให้มีการอบรมให้ Internal Auditor ด้วยครับ 2 หลักสูตรก็น่าจะโอครับ
1.ISO9001:2008 Requirement & Implementation
2.ISO9001:2008 Internal Audit
อบรมให้ไปก่อน work ไม่ work ค่อยว่ากันอีกที

ไปอบมาแล้ว 3-4/02/09 ที่ TUV nord อาจารย์บอกไม่ต้องส่งไปก็ได้แต่ต้องมาอบกันต่อ และเก็บบันทึกการอบก็ได้ (Save cost )

[นุกูล]

ไปอบมาแล้ว 3-4/02/09 ที่ TUV nord อาจารย์บอกไม่ต้องส่งไปก็ได้แต่ต้องมาอบกันต่อ และเก็บบันทึกการอบก็ได้ (Save cost )

ใช่ครับ
จะจัดอบรมภายในหรือภายนอกก็ได้ครับ
จะส่งตัวแทนไปอบรมภายนอกสัก 1 ท่าน แล้วมาจัด Inhouse Training ต่อก็ ok ครับ

[webmaster]

หลังจากเวอร์ชั่น 2008 ประกาศใช้แล้ว Internal auditor จำเป็นต้องได้รับใบรับรองการฝึกอบรมสำหรับการตรวจประเมินภายในสำหรับเวอร์ชั่น 2008 ก่อนทำการตรวจประเมินจริง ด้วยมั้ย
ถ้า CB ตรวจพบว่าไม่มีหลักฐานนี้ จะถือเป็น CAR ด้วยมั้ยค่ะ
รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยค่ะ

ไม่อบรมใดๆ เลยน่ะ ไม่ได้


ขั้นต่ำนะครับ ย้ำว่าขั้นต่ำ


อบรมเฉพาะข้อแตกต่างของข้อกำหนด ISO9001:2000 และ ISO9001:2008 ก็ได้ครับ ชื่อหลักสูตรประมาณว่า Transition หรือ Conversion หรืออาจเป็นคอร์สเต็ม ISO9001:2008 Requirements เก็บ Records ตัวนี้ไว้ ใช้ควบคู่กับประวัติของ ISO9001:2000 Internal Audit เดิมครับ ใช้ได้ เพราะ ISO19011 ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนครับ

หลักการนี้ใช้ได้กับทุกๆ การเปลี่ยนผ่านของข้อกำหนดครับ เช่น ISO14001:1996 เป็น ISO14001:2004 คืออบรมข้อกำหนดที่เปลี่ยน ใช้อ้างอิงควบคู่กับ Internal Audit ที่มีอยู่เดิม แต่ถ้า ISO19011 เปลี่ยนด้วย ก็ต้องอบรมใหม่

โดยเฉพาะเปลี่ยนแบบ Minor Change โคตรๆ แบบ ISO9001:2008 นี้ ยิ่งใช้ได้แน่นอนครับ

แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า อบรมใหม่แบบเต็มคอร์ส ISO9001:2008 Internal Audit ดีกว่าแน่นอนครับ แต่บางท่านที่ความเข้าใจข้อกำหนดค่อนข้างดี ผมว่าไม่จำเป็น

หรือหลักการที่ผมบอกไป เคยมี CB ที่ไหนไม่ยอมรับ (ออก CAR นะ Observe ไม่นับ) ก็ลองมาแชร์กันครับ

[Tuk]

เดี๋ยวจะลองสอบถาม SGS ดูครับว่าเป็น CAR ไหม ถ้าได้ความว่าอย่างไรจะแจ้งให้ทราบ

[Tuk]

สอบถามแล้วได้ความประมาณว่าอาจจะเป็น NC Minor ถ้าทาง CB สุ่มถามกับทาง Internal Auditor แล้วบอกไม่ได้ว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่าง Version ใหม่กับ
Version เก่า

[tik815]

แล้ว Cer ที่ได้จากงาน Meet & greet #2 ใช้ได้หรือเปล่าค่ะ
แบบว่าจะได้อบรมต่อเลยค่ะ (ประหยัด)

[จอมโจรจอมใจ]

แล้ว Cer ที่ได้จากงาน Meet & greet #2 ใช้ได้หรือเปล่าค่ะ
แบบว่าจะได้อบรมต่อเลยค่ะ (ประหยัด)

cert จะเป็นเพียงกระดาษที่ไม่มีความหมายอะไรเลยครับ ถ้า คนคนนั้น มีความรู้ไม่พอ หรือไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

[tik815]

cert จะเป็นเพียงกระดาษที่ไม่มีความหมายอะไรเลยครับ ถ้า คนคนนั้น มีความรู้ไม่พอ หรือไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

ง่ะ...แง แง

[webmaster]

Cert น่ะ ใช้ได้แน่ๆ ในแง่ของหลักฐานการฝึกอบรมครับ (6.2.2) รวมถึง Cert ที่แจกในงานครับ

แต่ความสามารถที่แสดงออกมา (6.2.1) จะใช้ได้หรือไม่ได้ อันนี้ก็ต้องว่ากันแต่ละคน

ผมเคยตอบกระทู้ นานแล้วเหมือนกัน ที่บอกว่า จริงๆ Cert จะมีหรือไม่มีก็ได้ (เว้นแต่เอาไปขึ้นทะเบียนตามกฎหมายกำหนด หรือเป็นหลักฐานในการจดทะเบียนต่างๆ) ที่ใช้ได้เหมือนกันคือ Training Records ที่องค์กรบันทึกเอง รวมถึงการประเมินผลยืนยันความรู้ ความสามารถ

เดี๋ยวไปทานข้าวก่อน.. ถ้าว่างจะมาแชร์เรื่องนี้อีก เรื่องมันยาววว.......

[tik815]

Cert น่ะ ใช้ได้แน่ๆ ในแง่ของหลักฐานการฝึกอบรมครับ (6.2.2) รวมถึง Cert ที่แจกในงานครับ

แต่ความสามารถที่แสดงออกมา (6.2.1) จะใช้ได้หรือไม่ได้ อันนี้ก็ต้องว่ากันแต่ละคน

ผมเคยตอบกระทู้ นานแล้วเหมือนกัน ที่บอกว่า จริงๆ Cert จะมีหรือไม่มีก็ได้ (เว้นแต่เอาไปขึ้นทะเบียนตามกฎหมายกำหนด หรือเป็นหลักฐานในการจดทะเบียนต่างๆ) ที่ใช้ได้เหมือนกันคือ Training Records ที่องค์กรบันทึกเอง รวมถึงการประเมินผลยืนยันความรู้ ความสามารถ

เดี๋ยวไปทานข้าวก่อน.. ถ้าว่างจะมาแชร์เรื่องนี้อีก เรื่องมันยาววว.......

ขอบคุณค่ะ
เป็นหลักฐานในการฝึกอบรมก็ยังดี

[webmaster]

ต่อนะ..

ต้องมีทั้งสองอย่างคือ การสร้างความสามารถ เช่นการฝึกอบรม หรือวิธีการอื่นๆ (6.2.2) ซึ่งส่งผลให้ บุคลากรที่ผ่านกระบวนการสร้างความสามารถนี้ มีความสามารถเกิดขึ้น (6.2.1)

ถ้าอบรมแล้ว มีใบ Cert (หรือไม่มีแต่มี Records) ประเมินผลก็ผ่าน ก็ถือว่ามีการสร้างความสามารถแล้ว คอนเฟิรมแล้ว แต่ดั๊นน.. ไม่มีความสามารถ ให้เห็น หรือให้จับได้ อันนี้ก็ไม่ผ่านเหมือนกัน..

สองอย่างนี้มันจะประกอบกันครับ การสร้างความสามารถต้องดีพอ จนกระทั่งก่อให้เกิดความสามารถขึ้นมาได้

กรณี ISO9001:2008 เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบ Minor Change ผมคิดว่าระดับโปรหน่อย หรือเข้าใจข้อกำหนดเดิมดี อาจใช้วิธีการเติมความสามารถโดยการ "ศึกษาด้วยตัวเอง" (จากการตีความที่น่าเชื่อถือ) แล้วเก็บ Records ไว้ รวมถึงอาจไป ลาวโดด แบบทดสอบของ อ.นุกูลมาทำ เพื่อให้มีหลักฐานยืนยันว่ามีการประเมินผล ว่ามีความสามารถ

แต่ถ้าความเข้าใจยังไม่ถึงกับดีพอ ก็ต้องมีการฝึกอบรม โดยผู้ที่เชื่อถือได้ แล้ว แล้วเก็บ Records ไว้ (Cert ไม่ Cert ก็ได้) จะให้เนียน ก็มีการประเมินผลโดยทำแบบข้างบนก็ได้ครับ

วิธีการที่เลือกใช้ ต้องสัมพันธ์กับ Output ที่ออกมาครับ นั่นคือ ผ่านกระบวนการสร้างความสามารถแล้ว มีความสามารถหรือเปล่า


แม่นแล้วครับ ท่านจอมโจรจอมใจสรุปให้แล้ว

"cert จะเป็นเพียงกระดาษที่ไม่มีความหมายอะไรเลยครับ ถ้า คนคนนั้น มีความรู้ไม่พอ หรือไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป"

ข้าน้อยขอคารวะท่านจอมยุทธ์


อ้อ..Auditor ชอบถามว่า คุณใช้วิธีการแบบนี้ เพียงแค่นี้ แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่า.... Bla Bla......

คุณก็สามารถโชว์ ความสามารถที่มีอยู่ (มีจริงนะ) ให้ Auditor ตาค้างไปเลย

แต่ต้องมี Records ด้วยนะครับ ไม่ใช่มีแค่ความสามารถ

[tik815]

ต่อนะ..

ต้องมีทั้งสองอย่างคือ การสร้างความสามารถ เช่นการฝึกอบรม หรือวิธีการอื่นๆ (6.2.2) ซึ่งส่งผลให้ บุคลากรที่ผ่านกระบวนการสร้างความสามารถนี้ มีความสามารถเกิดขึ้น (6.2.1)

ถ้าอบรมแล้ว มีใบ Cert (หรือไม่มีแต่มี Records) ประเมินผลก็ผ่าน ก็ถือว่ามีการสร้างความสามารถแล้ว คอนเฟิรมแล้ว แต่ดั๊นน.. ไม่มีความสามารถ ให้เห็น หรือให้จับได้ อันนี้ก็ไม่ผ่านเหมือนกัน..

สองอย่างนี้มันจะประกอบกันครับ การสร้างความสามารถต้องดีพอ จนกระทั่งก่อให้เกิดความสามารถขึ้นมาได้

กรณี ISO9001:2008 เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบ Minor Change ผมคิดว่าระดับโปรหน่อย หรือเข้าใจข้อกำหนดเดิมดี อาจใช้วิธีการเติมความสามารถโดยการ "ศึกษาด้วยตัวเอง" (จากการตีความที่น่าเชื่อถือ) แล้วเก็บ Records ไว้ รวมถึงอาจไป ลาวโดด แบบทดสอบของ อ.นุกูลมาทำ เพื่อให้มีหลักฐานยืนยันว่ามีการประเมินผล ว่ามีความสามารถ

แต่ถ้าความเข้าใจยังไม่ถึงกับดีพอ ก็ต้องมีการฝึกอบรม โดยผู้ที่เชื่อถือได้ แล้ว แล้วเก็บ Records ไว้ (Cert ไม่ Cert ก็ได้) จะให้เนียน ก็มีการประเมินผลโดยทำแบบข้างบนก็ได้ครับ

วิธีการที่เลือกใช้ ต้องสัมพันธ์กับ Output ที่ออกมาครับ นั่นคือ ผ่านกระบวนการสร้างความสามารถแล้ว มีความสามารถหรือเปล่า


แม่นแล้วครับ ท่านจอมโจรจอมใจสรุปให้แล้ว

"cert จะเป็นเพียงกระดาษที่ไม่มีความหมายอะไรเลยครับ ถ้า คนคนนั้น มีความรู้ไม่พอ หรือไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป"

ข้าน้อยขอคารวะท่านจอมยุทธ์


อ้อ..Auditor ชอบถามว่า คุณใช้วิธีการแบบนี้ เพียงแค่นี้ แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่า.... Bla Bla......

คุณก็สามารถโชว์ ความสามารถที่มีอยู่ (มีจริงนะ) ให้ Auditor ตาค้างไปเลย

แต่ต้องมี Records ด้วยนะครับ ไม่ใช่มีแค่ความสามารถ

ขอบคุณค่ะ

[นุกูล]

สู้ๆครับคุณติ๊ก
อาจารย์แนะนำไปแล้วหลายท่านน่ะ
สรุปว่า คุณติ๊กสามารถจัดฝึกอบรมภายในต่อได้ด้วยตัวเองครับ โดยนำความรู้ ประสบการณ์ ข้อคิดเห็นของสมาชิกหลายๆท่าน
รวมถึงตัวอย่างต่างๆที่เพื่อนๆได้ยกมาเปรียบเทียบไว้ ในตอนที่มาร่วมแชร์กันในงาน
คุณติ๊กสามารถเอามาปัด จัดกลุ่ม สรุปเป็นภาษาของคุณติ๊กอีกทีหนึ่ง แล้วนำไปถ่ายทอดต่อให้กับทีม Auditor

เนื้อหาในการอบรม สัมมนา หรือการพูดคุยก็อาจจะประมาณว่า
ทำไมมาตรฐานต้องเปลี่ยน เปลี่ยนเยอะไหม เราต้องทำยังไงเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนนี้บ้าง
เรื่องไหนบ้างที่เปลี่ยนไปจากเดิม เปลี่ยนจาก....ไปเป็น.... ตัวอย่างเช่น......สรุปว่าข้อนี้ เรา........(ต้องแก้ไข ทำเพิ่ม ใช้เหมือนเดิม)
ในการ Internal Audit สิ่งที่เราควรจะเห็น คือ............................
ประมาณนี้ก็ได้

ที่สำคัญก็คือ อย่าลืมบันทึก อย่าลืมประเมินผลการฝึกอบรม และจัดเก็บบันทึกนั้นด้วย

เรื่องความสามารถ หรือทักษะในการจัดฝึกอบรม การถ่ายทอด การเป็นวิทยากร ผมแนะนำว่า
อย่ากลัวครับ ให้เขา สอนเขา แนะนำเขาวยความั้งใจ เต็มใจ และจริงใจ ทุกอย่างมันจะออกมาดีอย่างแน่นอน
ไม่ต้องกังวลว่า ขาจะสั่น หน้าจะซีด เลือดสูบฉีดผิดปกติ พูดติดขัด ลืมเนื้อ ลืมตัวอย่างประกอบที่เตรียมไว้ กลัวตอบคำถามเขาไม่ได้
อาการพวกนี้ไม่ต้องกลัวครับ มันเป็นธรรมดา (ผมสัมผัสมาหมดแล้ว แม้แต่พูดสำเนียงเพี้ยนไปเป็นภาษาทางบ้านเกิดก็มี พูดตกลาว)
หมั่นฝึกฝนและปฏิบัติ หมั่นสะสมประสบการณ์ (อะไรที่เป็นครั้งแรกๆ ช่วงแรกๆ ก็มีตื่นเต้นกันทุกคนแหละ เป็น ทำ มะ ซาด)

นักปราชญ์ชาวอีสานบ้านใกล้ผมท่านหนึ่ง เคยกล่าวไว้ว่า
"เดินทางร้อยลี้ ย่อมมีก้าวแรก"
คนทีจะประสบความสำเร็จได้ หรือหลายคนที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว ก็ต้องเริ่มจากการนับ 0..1..2..3 เหมือนกันทั้งนั้น
หกล้มบ้าง เหนื่อยบ้าง ก็ธรรมดา นั่งพักแล้วค่อยเดินทางต่อ สักวันก็ถึงจุดหมาย ได้ชื่นชมกับความสำเร็จ
คนที่ยังไม่เริ่มนับต่างหาก ที่จะเสียใจไปตลอดชีวิต
สู้ๆครับ

[tik815]

สู้ๆครับคุณติ๊ก
อาจารย์แนะนำไปแล้วหลายท่านน่ะ
สรุปว่า คุณติ๊กสามารถจัดฝึกอบรมภายในต่อได้ด้วยตัวเองครับ โดยนำความรู้ ประสบการณ์ ข้อคิดเห็นของสมาชิกหลายๆท่าน
รวมถึงตัวอย่างต่างๆที่เพื่อนๆได้ยกมาเปรียบเทียบไว้ ในตอนที่มาร่วมแชร์กันในงาน
คุณติ๊กสามารถเอามาปัด จัดกลุ่ม สรุปเป็นภาษาของคุณติ๊กอีกทีหนึ่ง แล้วนำไปถ่ายทอดต่อให้กับทีม Auditor

เนื้อหาในการอบรม สัมมนา หรือการพูดคุยก็อาจจะประมาณว่า
ทำไมมาตรฐานต้องเปลี่ยน เปลี่ยนเยอะไหม เราต้องทำยังไงเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนนี้บ้าง
เรื่องไหนบ้างที่เปลี่ยนไปจากเดิม เปลี่ยนจาก....ไปเป็น.... ตัวอย่างเช่น......สรุปว่าข้อนี้ เรา........(ต้องแก้ไข ทำเพิ่ม ใช้เหมือนเดิม)
ในการ Internal Audit สิ่งที่เราควรจะเห็น คือ............................
ประมาณนี้ก็ได้

ที่สำคัญก็คือ อย่าลืมบันทึก อย่าลืมประเมินผลการฝึกอบรม และจัดเก็บบันทึกนั้นด้วย

เรื่องความสามารถ หรือทักษะในการจัดฝึกอบรม การถ่ายทอด การเป็นวิทยากร ผมแนะนำว่า
อย่ากลัวครับ ให้เขา สอนเขา แนะนำเขาวยความั้งใจ เต็มใจ และจริงใจ ทุกอย่างมันจะออกมาดีอย่างแน่นอน
ไม่ต้องกังวลว่า ขาจะสั่น หน้าจะซีด เลือดสูบฉีดผิดปกติ พูดติดขัด ลืมเนื้อ ลืมตัวอย่างประกอบที่เตรียมไว้ กลัวตอบคำถามเขาไม่ได้
อาการพวกนี้ไม่ต้องกลัวครับ มันเป็นธรรมดา (ผมสัมผัสมาหมดแล้ว แม้แต่พูดสำเนียงเพี้ยนไปเป็นภาษาทางบ้านเกิดก็มี พูดตกลาว)
หมั่นฝึกฝนและปฏิบัติ หมั่นสะสมประสบการณ์ (อะไรที่เป็นครั้งแรกๆ ช่วงแรกๆ ก็มีตื่นเต้นกันทุกคนแหละ เป็น ทำ มะ ซาด)

นักปราชญ์ชาวอีสานบ้านใกล้ผมท่านหนึ่ง เคยกล่าวไว้ว่า
"เดินทางร้อยลี้ ย่อมมีก้าวแรก"
คนทีจะประสบความสำเร็จได้ หรือหลายคนที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว ก็ต้องเริ่มจากการนับ 0..1..2..3 เหมือนกันทั้งนั้น
หกล้มบ้าง เหนื่อยบ้าง ก็ธรรมดา นั่งพักแล้วค่อยเดินทางต่อ สักวันก็ถึงจุดหมาย ได้ชื่นชมกับความสำเร็จ
คนที่ยังไม่เริ่มนับต่างหาก ที่จะเสียใจไปตลอดชีวิต
สู้ๆครับ

ขอบคุณ พี่หม่ำ เอ้ย คุณนุกูล มากๆ ค่ะ

[iso_man]

แชร์อีกนิดหนึ่ง จัดอบรมทีม auditor ก่อนตรวจอีกครั้ง โดยเพิ่มข้อกำหนดที่เปลี่ยนไปในเอกสารการอบรม และชี้ประเด็นให้เห็นเพิ่มเติม จัดทำแบบทดสอบประเมินและเก็บเป็นหลักบานให้ CB ดูได้ครับ รวมถึงใน audit check list ก็ให้เพิ่มเรื่องข้อกำหนดเพิ่มเติมที่เป็นสาระสำคัญไปด้วย

[Mogi]

"เดินทางร้อยลี้ ย่อมมีก้าวแรก"

แหล่ม มากค่ะ

[Tuk]

อย่าลืมแก้ไขเอกสารที่เกี่ยวข้องเป็นเวอร์ชั่นใหม่ด้วยครับ