Jump to content


ท่านที่สมัครสมาชิกเข้ามาใหม่ กรุณารอให้ Admin ได้ทำการ Validate การเป็นสมาชิก ภายใน 24 ชม.ของวันทำการ ซึ่งระหว่างที่รอ Validation ท่านอาจจะยังไม่สามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ได้ หากไม่ได้รับความสะดวก กรุณาอีเมลแจ้ง isothainetwork@hotmail.com

Photo

รับเป็นที่ปรึกษาระบบ GMP


  • This topic is locked This topic is locked
7 replies to this topic

#1 ka_pream

ka_pream

    Super Member

  • Members
  • PipPip
  • 38 posts

Posted 03 May 2010 - 09:11 AM

รับเป็นที่ปรึกษาระบบ GMP ในอุตสาหกรรมที่มีความมุ่งมั่นที่จะทำค่ะ
เจรจาง่าย ดูแลท่านแบบครอบครัว ไม่มีกั๊กค่ะ
หากบริษัทใดสนใจ รบกวนติดต่อที่ 08 4070 4005 ค่ะ
ข้าพเจ้ามีความยินดีส่งประวัติส่วนตัว และรายละเอียดต่างๆ ให้ทันทีค่ะ

#2 ka_pream

ka_pream

    Super Member

  • Members
  • PipPip
  • 38 posts

Posted 08 May 2010 - 08:36 AM

แงๆๆๆ

โพสต์มาตั้งนานแล้ว
มีคนเข้ามาตั้งเกือบ 40 คนแว้ว
ไม่มีใครสนใจสักคนเลยหรอคะ

พี่ๆสมาชิกช่วยพรีมด้วย

น้อยใจอ่ะ

happy.gif


#3 Kreetha

Kreetha

    Hornor Member

  • Super Power Members
  • PipPipPipPipPip
  • 870 posts
  • Gender:Male

Posted 08 May 2010 - 09:00 AM

ไม่ต้องน้อยใจไปครับ ถ้ามีใครสนใจเดี๋ยวเขาก็ติดต่อไปเอง

ลองเข้ามาตอบกระทู้มาแบ่งปันความรู้บ่อยๆครับ ให้สมาชิกได้เห็นลีลาการนำเสนอต่างๆก่อนนะ
(เป็นผู้ให้ก่อน แล้วค่อยเป็นผู้รับครับ)



ขอให้สมปรารถนาไวๆครับ
Oooo

#4 ka_pream

ka_pream

    Super Member

  • Members
  • PipPip
  • 38 posts

Posted 08 May 2010 - 09:45 AM

QUOTE(Kreetha @ May 8 2010, 09:00 AM) <{POST_SNAPBACK}>
ไม่ต้องน้อยใจไปครับ ถ้ามีใครสนใจเดี๋ยวเขาก็ติดต่อไปเอง

ลองเข้ามาตอบกระทู้มาแบ่งปันความรู้บ่อยๆครับ ให้สมาชิกได้เห็นลีลาการนำเสนอต่างๆก่อนนะ
(เป็นผู้ให้ก่อน แล้วค่อยเป็นผู้รับครับ)



ขอให้สมปรารถนาไวๆครับ


พรีมขอกราบขอบพระคุณมากนะคะ

มีกำลังใจขึ้นเป็นกองเลยค่ะ

happy.gif

#5 ka_pream

ka_pream

    Super Member

  • Members
  • PipPip
  • 38 posts

Posted 08 May 2010 - 10:02 AM

เล่าให้ฟังคร่าวๆ ตามคำแนะนำค่ะ
คือจริงๆแล้ว ตอนนี้พรีมเป็น QMR อยู่ที่โรงพิมพ์แห่งหนึ่งค่ะ
พรีมเข้ามาวางระบบ GMP ที่นี่เป็นงานประจำ
โดยตามแผนการจัดทำระบบนั้น
จะได้รับการรับรองระบบในสิ้นเดือนกันยายน 2010 ค่ะ
จึงจะเป็นการปิด Job ได้สำเร็จ

พรีมมีจุดอ่อนก็คืออายุแค่ 18 ปีค่ะ
แต่จุดอ่อนอันนี้นี่เองที่เป็นแรงกำลังให้พรีมในการที่จะศึกาข้อมูล
และเอามาปฏิบัติจริง
ทำให้เข้มข้นและซึมซับได้มากว่าการเรียนในโรงเรียนเลยค่ะ

นับว่าเป็นการขอโอกาสดีๆ จากผู้เมตตาค่ะ
อิอิ

หากว่าในระหว่างเวลาดังกล่าว
มีองค์กรที่สนใจ พรีมจะเข้ามาดูแลได้
ในวันเสาร์ช่วงบ่ายเท่านั้นค่ะ
แต่มั่นใจว่าจะใช้เวลาที่มีให้กับองค์กร
ให้เกิดประโยชน์สูงสุดค่ะ
พรีมวางแผนไว้ว่าถ้าเข้าเป็นที่ปรึกษาที่องค์กรใดก็ตาม
พรีมจะให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด และจะคอยติดตามผล และแก้ไข
ให้ระบบเกิดประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ หรือหากว่าต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม
เกี่ยวกับพรีมก่อน ก็ทิ้งเมล์ของท่านไว้เพื่อพรีมจะส่งเป็นเรซูเม่ให้
หรือส่งเมล์มาซักถามพูดคุยกันได้ที่ preamtr@hotmail.com ค่ะ

ยินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ
และขอบพระคุณพี่ๆ สมาชิกทุกคนมากๆค่ะ
ที่ให้โอกาส และให้คำแนะนำน้องใหม่อย่างพรีม

happy.gif


#6 Bangkokkk

Bangkokkk

    Super Member

  • Members
  • PipPip
  • 45 posts

Posted 08 May 2010 - 10:10 AM

เป็นกำลังใจให้นะจ้า

ถ้าคิดว่าอายุเป็นจุดออ่น

ลองอ่านประวัติของครูพี่แนนดูนะจ้า เผื่อเป็นแรงใจให้ได้จ้า


"ครูพี่แนน" ติวเตอร์ผู้ไม่มีสูตรสำเร็จ


สาวคนนี้บอกกับเราว่าชีวิตของเธอไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ก็เป็นเธอ ที่เอนทรานซ์ติดคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปี 4 และก็เป็นเธออีกเช่นกันที่คว้าปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทองมาครองได้ตั้งแต่อายุ 19 ปี เท่านั้นยังไม่พอ ปัจจุบัน เธอยังมีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้อำนวยการและหัวหน้าทีมผู้สอนภาษาอังกฤษของสถาบัน Enconcept E-Academy

ผู้คิดค้นเทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษแนวใหม่หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น Memolody (การใช้เพลงช่วยจำคำศัพท์และไวยากรณ์) Strategic Structure (โครงสร้างเชิงกลยุทธ์) และ Tree Tactics (วิธีการเรียนรู้โครงสร้างประโยคอย่างเป็นระบบโดยใช้ภาพต้นไม้เป็นสื่อ) เธอคนนี้ก็คือ "อริสรา ธนาปกิจ" หรือ "ครูพี่แนน" ที่เด็กรุ่นใหม่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นเอง

จำนวนสาขาที่มีอยู่ถึง 28 แห่งทั่วประเทศของโรงเรียนสอนภาษา Enconcept ที่เธอกับทีมงานร่วมกันปลุกปั้นมากับมืออาจกล่าวได้ว่าเป็นการเติบโตที่ยิ่งใหญ่ แต่หากให้ย้อนไปถึงจุดเริ่มต้น ครูพี่แนนเล่าว่า เธอเกือบจะปิดโรงเรียนไปขายก๋วยเตี๋ยวเสียแล้ว

"ช่วงแรก ๆ เป็นตึกแถวสองคูหามีเด็กเรียนรวมกันทั้งหมดประมาณ 60 กว่าคนเองค่ะ ตกแล้วห้องหนึ่งมีเด็กเรียนประมาณ 6 - 7 คน วันไหนฝนตก ติดสอบมิดเทอม เด็กก็จะหายไปอีก มีบางวันห้องเรียนว่างเปล่า ไม่มีเด็กมาเลยสักคน ตอนนั้นเราคิดหนักมากว่าเราต้องทำอย่างไรเพื่อให้เราก้าวข้ามสถานการณ์เหล่านี้ไปได้ นั่นคือที่มาของ 3 Fs แก่นสำคัญของที่นี่ ซึ่งได้แก่ Firm Foundation, Fun และ Friendship การเรียนของเรา วิชาการต้องแน่น เมื่อเด็กมาเรียนต้องสบายใจได้ว่า เขาจะมีความรู้มากขึ้น พร้อมสำหรับการสอบมากขึ้น ข้อต่อมา ต้องเรียนแล้วสนุก และข้อสุดท้ายคือ เฟรนด์ชิป ต้องมีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างครูกับเด็ก ที่นี่เราเลือกใช้กิจกรรมเป็นตัวสร้างสีสัน เชื่อมความสัมพันธ์ ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงสงกรานต์เราก็จะพาเด็ก ๆ ไปเผยแพร่วัฒนธรรมการเล่นน้ำสงกรานต์ที่ถูกต้องบริเวณถนนข้าวสาร เป็นต้น"

ไม่เพียงแต่ยึดหลัก 3 Fs แต่ห้องเรียนของที่นี่ยังเต็มไปด้วยนวัตกรรมด้านการเรียนการสอนใหม่ ๆ อีกมากมาย ล่าสุด มีการเปิดตัว S.E.L.F. หรือโปรแกรมเสริมแกร่งด้านการเรียนภาษาที่เรียกได้ว่า ไม่เหมือนใครในโลก

"พฤติกรรมการเรียนของเด็กไทยส่วนมากจะเป็นผู้รับ ทำให้เขารับได้เท่าที่ผู้สอนพยายามจะป้อนเท่านั้น นั่นจึงเป็นที่มาของโปรแกรม S.E.L.F. เพราะเราต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมในจุดนี้ S.E.L.F. จะเป็นแหล่งที่เด็กสามารถเพาะความรู้ได้แบบไม่จำกัดบนแนวคิดพื้นฐานว่า Yourself Your success ปัจจุบัน เรามีฐานคำศัพท์อยู่กว่า 400,000 คำบนโปรแกรมดังกล่าว มีคลังข้อสอบ มีเครื่องมือช่วยอ่าน มีตะกร้าเก็บคำศัพท์ เด็กสามารถเช็คคะแนนตัวเองเปรียบเทียบกับเด็กทั่วประเทศ และยังต่อยอดพัฒนาได้อีกเยอะมากค่ะ ยกตัวอย่างเช่นโปรแกรมฝึกการฟัง - การพูด ซึ่งจะเปิดตัวในเฟสต่อไป เด็กสามารถฝึกฟังสำเนียงการพูดภาษาอังกฤษของคนหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเด็กสามารถบันทึกเสียงตัวเองมาเทียบกับเสียงของเจ้าของภาษาได้ด้วย เลยเชื่อว่า S.E.L.F. จะช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษให้กับเด็กที่มาเรียนได้อีกมากค่ะ"

แนวคิดที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร และความน่ารักสดใส เป็นกันเองถือเป็นจุดเด่นของครูพี่แนน แต่เมื่อย้อนถามถึงเส้นทาง กว่าจะก้าวมาถึง ณ จุดนี้ เธอบอกว่า ไม่มีสูตรสำเร็จ หรือการวางแผนที่ตายตัวแต่อย่างใด เพียงแต่เธอมีโอกาสทำงานในหลาย ๆ บทบาท จึงทำให้ค้นหาตัวตนที่แท้จริงพบว่า รักจะเป็นอะไร

"ตอนเด็ก ๆ พี่ฝันอยากเป็นล่ามมาก ประจวบเหมาะกับเอนต์ติดอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ด้วย ก็ยิ่งรู้สึกว่าใช่เลย แต่พอลองไปเป็นล่ามดู (ครูพี่แนนเคยเป็นล่ามภาษาสเปน - อังกฤษให้กับยูเนสโก) ก็พบว่าไม่ใช่งานที่เราชอบ ทำไมเราต้องพูดในสิ่งที่คนอื่นบอกด้วย พี่เลยเปลี่ยนแนว ไปลงเรียนคอร์สทางด้านการตลาดแทน (บริหารธุรกิจ สาขาพฤติกรรมองค์กรและการตลาด, ศศินทร์) ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะมีบริษัทเป็นของตัวเองเลยนะคะ แต่ชอบฟิลิปส์ คอตเลอร์ ก็เลยไปลงเรียน ต่อมา พี่สมัครเข้าทำงานที่ยูนิลิเวอร์ (ตำแหน่ง Category Analyst) ค่ะ ช่วงนั้น จะเรียกว่าเป็นช่วงที่เหนื่อยมากก็ว่าได้ เพราะในยูนิลิเวอร์มีแต่คนเก่ง ๆ ทุ่มเททำงานกันทั้งนั้น แถมตอนเย็น - เสาร์อาทิตย์ พี่ก็เปิดโรงเรียนสอนภาษาแล้ว เรียกได้ว่า 7 วันนี่ทำงานตลอด ไม่มีเวลาพักเลย"

เมื่อเหนื่อยมากจนถึงขีดสุด เธอจึงหาโอกาสหยุดพักและถามตัวเองว่า จริง ๆ แล้วสิ่งที่หัวใจต้องการนั้นคืออะไร

"เข้าใจได้ว่า ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการที่เราประสบความสำเร็จในทุกด้านในชีวิต หรือการที่เราได้ทุกอย่างมาครอบครอง มันอยู่ที่เรามีสมดุลในชีวิตหรือเปล่า ตอนเป็นครู พี่รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำประโยชน์ให้สังคม แม้ว่าจะเป็นบทบาทเล็ก ๆ แต่เราได้เห็นแววตาที่มุ่งมั่นของเด็ก ๆ เลยคิดว่าเลือกอาชีพนี้น่าจะถูกแล้ว และถ้าเด็กยังไม่เบื่อเรา ก็คงจะทำไปเรื่อย ๆ ค่ะ ซึ่งกว่าจะเป็นได้อย่างทุกวันนี้มันต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะ เพราะในยุคนั้น คนที่จะเปิดโรงเรียนสอนภาษาได้ต้องเป็นครูจากโรงเรียนชื่อดัง แต่นี่เราเริ่มจากศูนย์ ไม่มีใครรู้จักเราเลย จนมาถึงทุกวันนี้เรามี 28 สาขา มีสื่อการสอนที่หลากหลาย มีดีวีดี มีดาวเทียม ก็ถือว่าน่าพอใจค่ะ"

แต่การยอมรับ และพอใจในหน้าที่การงาน รวมถึงแนวคิด "ทำในสิ่งที่รักให้ดีที่สุด" อาจยังไม่เพียงพอ ทุกวันนี้ ครูพี่แนนยังศึกษาธรรมะเพิ่มเติม เพื่อให้เข้าใจถึงความสุขจากภายในด้วย

"เริ่มจริง ๆ มาประมาณ 6 ปีแล้วค่ะ สาเหตุที่สนใจคือ เรามีคำถามกับตัวเองตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วว่า เกิดมาทำไม เพื่อเรียนให้ดีที่สุด เข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ทำงานให้ประสบความสำเร็จสูงสุด มีครอบครัวที่ดีที่สุดอย่างนั้นหรือ แต่ไม่เคยคิดจะสนใจหาคำตอบด้วยพุทธศาสนา เพราะเราเคยรู้สึกว่าการเรียนพุทธศาสนาเป็นการเรียนแบบท่องจำ จนวันหนึ่งพี่ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งเข้า ตั้งชื่อโดนใจมากว่า เกิดมาทำไม ของท่านพุทธทาสภิกขุ หนังสือเล่มนั้นให้คำตอบว่า คนเราเกิดมาเพื่อให้ไปถึงนิพพาน ทำให้พี่มาศึกษาเพิ่มว่า นิพพานคืออะไร จากนั้นก็ศึกษาธรรมะเรื่อยมาค่ะ"

ข้อดีที่เกิดกับตัวเองหลังจากได้ศึกษาธรรมะของครูพี่แนนก็คือ "เราได้เข้าใจตัวเราเองมากขึ้น เข้าใจสิ่งรอบข้างมากขึ้น รู้สึกว่าทุกข์น้อยลง กิเลสน้อยลง จากเมื่อก่อนทุกอย่างต้องสมบูรณ์ จะรับไม่ได้กับข้อผิดพลาด เมื่อศึกษาธรรมะก็เริ่มยอมรับได้ และเข้าใจมากขึ้นว่าทุกคนทำดีที่สุดแล้ว อีกอย่างคือ การทำประโยชน์ให้กับสังคม ถ้าไม่มีเราก็ยังมีคนอื่นทำได้ แต่การทำให้ประโยชน์ให้กับตัวเอง เราต้องเป็นคนทำด้วยตัวเอง ซึ่งก็คือต้องทำให้ความทุกข์น้อยลงเรื่อย ๆ เพื่อเป้าหมายสุดท้ายคือการพ้นทุกข์ค่ะ"

ประวัติ
ผลงาน
- ผู้คิดค้นเทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษแนวใหม่หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น Memolody (การใช้เพลงช่วยจำคำศัพท์และไวยากรณ์) Strategic Structure (โครงสร้างเชิงกลยุทธ์) และ Tree Tactics (วิธีการเรียนรู้โครงสร้างประโยคอย่างเป็นระบบโดยใช้ภาพต้นไม้เป็นสื่อ)

เกียรตินิยมและรางวัล
- เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่ออายุ 19 ปี
- ชนะเลิศการประกวดสุนทรพจน์ระหว่างมหาวิทยาลัย จัดโดย AUA
- คะแนนสูงสุดของประเทศไทยในการสอบ Pre ม.ต้น สายศิลป์คำนวณ จัดโดยชมรมบัณฑิตแนะแนว

การศึกษา
- ปริญญาโทบริหารธุรกิจ ศศินทร์
- ปริญญาตรี อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ข้อมูลจาก http://blog.spu.ac.t...8/05/09/entry-5

#7 ka_pream

ka_pream

    Super Member

  • Members
  • PipPip
  • 38 posts

Posted 08 May 2010 - 10:19 AM

QUOTE(Bangkokkk @ May 8 2010, 10:10 AM) <{POST_SNAPBACK}>
เป็นกำลังใจให้นะจ้า

ถ้าคิดว่าอายุเป็นจุดออ่น

ลองอ่านประวัติของครูพี่แนนดูนะจ้า เผื่อเป็นแรงใจให้ได้จ้า


"ครูพี่แนน" ติวเตอร์ผู้ไม่มีสูตรสำเร็จ


สาวคนนี้บอกกับเราว่าชีวิตของเธอไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ก็เป็นเธอ ที่เอนทรานซ์ติดคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปี 4 และก็เป็นเธออีกเช่นกันที่คว้าปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทองมาครองได้ตั้งแต่อายุ 19 ปี เท่านั้นยังไม่พอ ปัจจุบัน เธอยังมีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้อำนวยการและหัวหน้าทีมผู้สอนภาษาอังกฤษของสถาบัน Enconcept E-Academy

ผู้คิดค้นเทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษแนวใหม่หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น Memolody (การใช้เพลงช่วยจำคำศัพท์และไวยากรณ์) Strategic Structure (โครงสร้างเชิงกลยุทธ์) และ Tree Tactics (วิธีการเรียนรู้โครงสร้างประโยคอย่างเป็นระบบโดยใช้ภาพต้นไม้เป็นสื่อ) เธอคนนี้ก็คือ "อริสรา ธนาปกิจ" หรือ "ครูพี่แนน" ที่เด็กรุ่นใหม่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นเอง

จำนวนสาขาที่มีอยู่ถึง 28 แห่งทั่วประเทศของโรงเรียนสอนภาษา Enconcept ที่เธอกับทีมงานร่วมกันปลุกปั้นมากับมืออาจกล่าวได้ว่าเป็นการเติบโตที่ยิ่งใหญ่ แต่หากให้ย้อนไปถึงจุดเริ่มต้น ครูพี่แนนเล่าว่า เธอเกือบจะปิดโรงเรียนไปขายก๋วยเตี๋ยวเสียแล้ว

"ช่วงแรก ๆ เป็นตึกแถวสองคูหามีเด็กเรียนรวมกันทั้งหมดประมาณ 60 กว่าคนเองค่ะ ตกแล้วห้องหนึ่งมีเด็กเรียนประมาณ 6 - 7 คน วันไหนฝนตก ติดสอบมิดเทอม เด็กก็จะหายไปอีก มีบางวันห้องเรียนว่างเปล่า ไม่มีเด็กมาเลยสักคน ตอนนั้นเราคิดหนักมากว่าเราต้องทำอย่างไรเพื่อให้เราก้าวข้ามสถานการณ์เหล่านี้ไปได้ นั่นคือที่มาของ 3 Fs แก่นสำคัญของที่นี่ ซึ่งได้แก่ Firm Foundation, Fun และ Friendship การเรียนของเรา วิชาการต้องแน่น เมื่อเด็กมาเรียนต้องสบายใจได้ว่า เขาจะมีความรู้มากขึ้น พร้อมสำหรับการสอบมากขึ้น ข้อต่อมา ต้องเรียนแล้วสนุก และข้อสุดท้ายคือ เฟรนด์ชิป ต้องมีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างครูกับเด็ก ที่นี่เราเลือกใช้กิจกรรมเป็นตัวสร้างสีสัน เชื่อมความสัมพันธ์ ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงสงกรานต์เราก็จะพาเด็ก ๆ ไปเผยแพร่วัฒนธรรมการเล่นน้ำสงกรานต์ที่ถูกต้องบริเวณถนนข้าวสาร เป็นต้น"

ไม่เพียงแต่ยึดหลัก 3 Fs แต่ห้องเรียนของที่นี่ยังเต็มไปด้วยนวัตกรรมด้านการเรียนการสอนใหม่ ๆ อีกมากมาย ล่าสุด มีการเปิดตัว S.E.L.F. หรือโปรแกรมเสริมแกร่งด้านการเรียนภาษาที่เรียกได้ว่า ไม่เหมือนใครในโลก

"พฤติกรรมการเรียนของเด็กไทยส่วนมากจะเป็นผู้รับ ทำให้เขารับได้เท่าที่ผู้สอนพยายามจะป้อนเท่านั้น นั่นจึงเป็นที่มาของโปรแกรม S.E.L.F. เพราะเราต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมในจุดนี้ S.E.L.F. จะเป็นแหล่งที่เด็กสามารถเพาะความรู้ได้แบบไม่จำกัดบนแนวคิดพื้นฐานว่า Yourself Your success ปัจจุบัน เรามีฐานคำศัพท์อยู่กว่า 400,000 คำบนโปรแกรมดังกล่าว มีคลังข้อสอบ มีเครื่องมือช่วยอ่าน มีตะกร้าเก็บคำศัพท์ เด็กสามารถเช็คคะแนนตัวเองเปรียบเทียบกับเด็กทั่วประเทศ และยังต่อยอดพัฒนาได้อีกเยอะมากค่ะ ยกตัวอย่างเช่นโปรแกรมฝึกการฟัง - การพูด ซึ่งจะเปิดตัวในเฟสต่อไป เด็กสามารถฝึกฟังสำเนียงการพูดภาษาอังกฤษของคนหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเด็กสามารถบันทึกเสียงตัวเองมาเทียบกับเสียงของเจ้าของภาษาได้ด้วย เลยเชื่อว่า S.E.L.F. จะช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษให้กับเด็กที่มาเรียนได้อีกมากค่ะ"

แนวคิดที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร และความน่ารักสดใส เป็นกันเองถือเป็นจุดเด่นของครูพี่แนน แต่เมื่อย้อนถามถึงเส้นทาง กว่าจะก้าวมาถึง ณ จุดนี้ เธอบอกว่า ไม่มีสูตรสำเร็จ หรือการวางแผนที่ตายตัวแต่อย่างใด เพียงแต่เธอมีโอกาสทำงานในหลาย ๆ บทบาท จึงทำให้ค้นหาตัวตนที่แท้จริงพบว่า รักจะเป็นอะไร

"ตอนเด็ก ๆ พี่ฝันอยากเป็นล่ามมาก ประจวบเหมาะกับเอนต์ติดอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ด้วย ก็ยิ่งรู้สึกว่าใช่เลย แต่พอลองไปเป็นล่ามดู (ครูพี่แนนเคยเป็นล่ามภาษาสเปน - อังกฤษให้กับยูเนสโก) ก็พบว่าไม่ใช่งานที่เราชอบ ทำไมเราต้องพูดในสิ่งที่คนอื่นบอกด้วย พี่เลยเปลี่ยนแนว ไปลงเรียนคอร์สทางด้านการตลาดแทน (บริหารธุรกิจ สาขาพฤติกรรมองค์กรและการตลาด, ศศินทร์) ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะมีบริษัทเป็นของตัวเองเลยนะคะ แต่ชอบฟิลิปส์ คอตเลอร์ ก็เลยไปลงเรียน ต่อมา พี่สมัครเข้าทำงานที่ยูนิลิเวอร์ (ตำแหน่ง Category Analyst) ค่ะ ช่วงนั้น จะเรียกว่าเป็นช่วงที่เหนื่อยมากก็ว่าได้ เพราะในยูนิลิเวอร์มีแต่คนเก่ง ๆ ทุ่มเททำงานกันทั้งนั้น แถมตอนเย็น - เสาร์อาทิตย์ พี่ก็เปิดโรงเรียนสอนภาษาแล้ว เรียกได้ว่า 7 วันนี่ทำงานตลอด ไม่มีเวลาพักเลย"

เมื่อเหนื่อยมากจนถึงขีดสุด เธอจึงหาโอกาสหยุดพักและถามตัวเองว่า จริง ๆ แล้วสิ่งที่หัวใจต้องการนั้นคืออะไร

"เข้าใจได้ว่า ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการที่เราประสบความสำเร็จในทุกด้านในชีวิต หรือการที่เราได้ทุกอย่างมาครอบครอง มันอยู่ที่เรามีสมดุลในชีวิตหรือเปล่า ตอนเป็นครู พี่รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำประโยชน์ให้สังคม แม้ว่าจะเป็นบทบาทเล็ก ๆ แต่เราได้เห็นแววตาที่มุ่งมั่นของเด็ก ๆ เลยคิดว่าเลือกอาชีพนี้น่าจะถูกแล้ว และถ้าเด็กยังไม่เบื่อเรา ก็คงจะทำไปเรื่อย ๆ ค่ะ ซึ่งกว่าจะเป็นได้อย่างทุกวันนี้มันต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะ เพราะในยุคนั้น คนที่จะเปิดโรงเรียนสอนภาษาได้ต้องเป็นครูจากโรงเรียนชื่อดัง แต่นี่เราเริ่มจากศูนย์ ไม่มีใครรู้จักเราเลย จนมาถึงทุกวันนี้เรามี 28 สาขา มีสื่อการสอนที่หลากหลาย มีดีวีดี มีดาวเทียม ก็ถือว่าน่าพอใจค่ะ"

แต่การยอมรับ และพอใจในหน้าที่การงาน รวมถึงแนวคิด "ทำในสิ่งที่รักให้ดีที่สุด" อาจยังไม่เพียงพอ ทุกวันนี้ ครูพี่แนนยังศึกษาธรรมะเพิ่มเติม เพื่อให้เข้าใจถึงความสุขจากภายในด้วย

"เริ่มจริง ๆ มาประมาณ 6 ปีแล้วค่ะ สาเหตุที่สนใจคือ เรามีคำถามกับตัวเองตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วว่า เกิดมาทำไม เพื่อเรียนให้ดีที่สุด เข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ทำงานให้ประสบความสำเร็จสูงสุด มีครอบครัวที่ดีที่สุดอย่างนั้นหรือ แต่ไม่เคยคิดจะสนใจหาคำตอบด้วยพุทธศาสนา เพราะเราเคยรู้สึกว่าการเรียนพุทธศาสนาเป็นการเรียนแบบท่องจำ จนวันหนึ่งพี่ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งเข้า ตั้งชื่อโดนใจมากว่า เกิดมาทำไม ของท่านพุทธทาสภิกขุ หนังสือเล่มนั้นให้คำตอบว่า คนเราเกิดมาเพื่อให้ไปถึงนิพพาน ทำให้พี่มาศึกษาเพิ่มว่า นิพพานคืออะไร จากนั้นก็ศึกษาธรรมะเรื่อยมาค่ะ"

ข้อดีที่เกิดกับตัวเองหลังจากได้ศึกษาธรรมะของครูพี่แนนก็คือ "เราได้เข้าใจตัวเราเองมากขึ้น เข้าใจสิ่งรอบข้างมากขึ้น รู้สึกว่าทุกข์น้อยลง กิเลสน้อยลง จากเมื่อก่อนทุกอย่างต้องสมบูรณ์ จะรับไม่ได้กับข้อผิดพลาด เมื่อศึกษาธรรมะก็เริ่มยอมรับได้ และเข้าใจมากขึ้นว่าทุกคนทำดีที่สุดแล้ว อีกอย่างคือ การทำประโยชน์ให้กับสังคม ถ้าไม่มีเราก็ยังมีคนอื่นทำได้ แต่การทำให้ประโยชน์ให้กับตัวเอง เราต้องเป็นคนทำด้วยตัวเอง ซึ่งก็คือต้องทำให้ความทุกข์น้อยลงเรื่อย ๆ เพื่อเป้าหมายสุดท้ายคือการพ้นทุกข์ค่ะ"

ประวัติ
ผลงาน
- ผู้คิดค้นเทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษแนวใหม่หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น Memolody (การใช้เพลงช่วยจำคำศัพท์และไวยากรณ์) Strategic Structure (โครงสร้างเชิงกลยุทธ์) และ Tree Tactics (วิธีการเรียนรู้โครงสร้างประโยคอย่างเป็นระบบโดยใช้ภาพต้นไม้เป็นสื่อ)

เกียรตินิยมและรางวัล
- เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่ออายุ 19 ปี
- ชนะเลิศการประกวดสุนทรพจน์ระหว่างมหาวิทยาลัย จัดโดย AUA
- คะแนนสูงสุดของประเทศไทยในการสอบ Pre ม.ต้น สายศิลป์คำนวณ จัดโดยชมรมบัณฑิตแนะแนว

การศึกษา
- ปริญญาโทบริหารธุรกิจ ศศินทร์
- ปริญญาตรี อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ข้อมูลจาก http://blog.spu.ac.t...8/05/09/entry-5


ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ สำหรับพี่ที่ให้ข้อมูล
ครูพี่แนนสุดยอดจริงๆ ค่ะ

ต่อไปนี้พรีมจะไม่คิดว่าเลข 18 เป็นจุดอ่อนอีกต่อไปแล้ว

ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ

happy.gif

#8 ka_pream

ka_pream

    Super Member

  • Members
  • PipPip
  • 38 posts

Posted 10 May 2010 - 01:58 PM

พรีมเข้ามาเช็คทุกวันเลยนะคะ
ขอบพระคุณพี่ๆที่สนใจเข้ามาอ่านเรื่อยๆนะคะ
มีอะไรเพิ่มเติมก็คุยกันก่อนได้ค่ะที่ preamtr@hotmail.com




0 user(s) are reading this topic

0 members, 0 guests, 0 anonymous users