ข่าวสาร ความรู เพื่อประโยชน์แก่พวกเรา ชาววงการอาหารไทยครับ
การแก้ไขกฎระเบียบควบคุมการติดฉลากสินค้าอาหารของ EU
เมื่อปลายเดือน มี.ค. 53 ที่ผ่านมา มีการประชุมของคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมแห่งสภายุโรป (European Parliament Environmental and Consumer Protection Committee) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการปรับปรุงกฎระเบียบควบคุมการติดฉลากสินค้าอาหารภายใน EU ให้มีความทันสมัย ง่ายและชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งลดกฎระเบียบที่ก่อให้เกิดความยุ่งยากต่อผู้ผลิตและทำให้ผู้บริโภคทราบถึงข้อม
ูลของสินค้าที่จะเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น ซึ่งทางคณะกรรมาธิการฯ ได้ลงคะแนนเสียงประเด็นในต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบควบคุมการติดฉลากสินค้าอาหาร ดังต่อไปนี้
1.1. สนับสนุนให้มีการบังคับติดฉลากแสดงประเทศแหล่งกำเนิด (country of origin) บนเนื้อสัตว์ ปลา สัตว์ปีก ผลิตภัณฑ์จากนม ผัก ผลไม้สด ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบเพียงชนิดเดียว (single-ingredient product) และอาหารแปรรูปที่มีส่วนประกอบมาจากเนื้อสัตว์ สัตว์ปีกหรือปลา
1.2. เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเดิมเพียงเล็กน้อยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ "ข้อมูลบนฉลากอาหารที่บังคับใช้กับฉลากอาหารทุกชนิด" (mandatory nutrition information) เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์ รายชื่อส่วนประกอบ วันที่ควรบริโภคก่อน และวิธีการใช้ โดยกำหนดให้ข้อมูลเหล่านี้ต้องถูกแสดงไว้ด้านหน้าบรรจุภัณฑ์
1.3. บังคับเพิ่มเติมให้มีการแสดง "ข้อมูลทางโภชนาการที่สำคัญ" (key nutrition information) บนฉลากสินค้าอาหารทุกชนิดทั่วทั้ง EU ได้แก่ ปริมาณพลังงาน ไขมันทั้งหมด ไขมันอิ่มตัว คาร์โบไฮเดรต น้ำตาลและเกลือ (โดยเฉพาะปริมาณพลังงานซึ่งถือเป็นข้อมูลทางโภชนาการที่มีความสำคัญที่สุด ทาง MEPs จึงกำหนดข้อบังคับเพิ่มเติมว่าต้องแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน) สำหรับการแสดงข้อมูลทางโภชนาการอื่นๆ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ เช่น โปรตีน ไฟเบอร์ ไขมันแปรรูปที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือจากการสังเคราะห์
1.4. คัดค้านการนำระบบสีจราจรมาใช้บนฉลากอาหาร (traffic light label) เพื่อบ่งบอกว่าระดับของไขมัน ไขมันอิ่มตัว น้ำตาลและเกลือในอาหารมีความเหมาะสมต่อการบริโภคหรือไม่ เนื่องจากระบบดังกล่าวไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับและอาจทำให้ผู้บริโภคเกิดค
วามสับสน นอกจากนั้น ข้อมูลโภชนาการในกล่อง nutrition fact ได้แสดงข้อมูลที่จำเป็นสำหรับผู้บริโภคแล้ว
1.5. สนับสนุนการระบุส่วนประกอบบนฉลากสินค้าอาหารไว้อย่างชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดของผู้บริโภคจากข้อมูลบนผลิตภัณฑ์ หรือป้องกันการเข้าใจผิดว่าเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่ง
1.6. คัดค้านข้อบังคับที่กำหนดว่าตัวอักษรแสดงข้อมูลบนฉลากสินค้าอาหารต้องมีขนาดไม่ต่ำกว
่า 3 มิลลิเมตร แต่ MEPs เสนอว่าการแสดงข้อมูลบนฉลากควรจะต้องอ่านง่าย (legibility) และเสนอให้คณะกรรมาธิการยุโรปร่างแนวทาง (guidelines) ในการแสดงข้อมูลบนฉลากอย่างไรให้อ่านได้ง่าย
1.7. สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยวัสดุนาโน (nano-materials) ควรแสดงข้อมูลดังกล่าวไว้บนฉลากอย่างชัดเจน
1.8. MEPs ลงคะแนนเสียงว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ควรรวมอยู่ภายใต้กฎข้อบังคับสินค้าอาหารที่ต
้องแสดงคุณค่าทางโภชนาการ
1.9. MEPs สนับสนุนให้การแสดงข้อมูลพลังงานและสารอาหาร ควรเปรียบเทียบกับปริมาณ 100 กรัม, 100 มิลลิลิตร, ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค (per portion) หรือ อาจเปรียบเทียบกับปริมาณพลังงานและสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน (average daily requirement) แต่ทั้งนี้ ควรอธิบายอย่างชัดเจนว่าความต้องการพลังงานและสารอาหารของผู้บริโภคแต่ละคนมีความแตก
ต่างกันไป
1.10 MEPs ลงคะแนนเสียงยกเลิกการนำ nutrient profile มาใช้ (nutrient profile เป็นการจัดหมวดหมู่ของอาหารตามรูปแบบสารอาหารที่ประกอบอยู่ เพื่อป้องกันมิให้อาหารที่มีระดับเกลือ ไขมันอิ่มตัวและน้ำตาลเกินกว่าระดับที่กำหนดไว้ แต่บรรยายสรรพคุณว่ามีคุณค่าอาหารด้านสุขภาพ)
2. ทั้งนี้ หากกฎระเบียบข้างต้นผ่านความเห็นชอบจากสภายุโรป (Parliament) คณะมนตรียุโรป (Council) และคณะกรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Committee) เป็นที่เรียบร้อย จะเริ่มต้นมีผลบังคับใช้ 20 วันภายหลังจากลงประกาศใน EU Official Journal แต่เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมมีเวลาเพียงพอในการปรับตัว กฎข้อบังคับเกี่ยวกับการแสดงคุณค่าทางโภชนาการบนฉลากอาหาร (rules on nutrition labelling) จะมีผลบังคับใช้ 3 ปี หลังจากการบังคับใช้ สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอาหารที่มีลูกจ้างน้อยกว่า 100 คนและมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 5 ล้านยูโร กฎข้อบังคับดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ 5 ปี หลังจากการบังคับใช้
ในเรื่องนี้ สำนักงานฯ ขอเรียนข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ดังนี้
ก) การปรับปรุงกฎระเบียบควบคุมการติดฉลากสินค้าอาหารให้มีความถูกต้อง ชัดเจนและเข้าใจง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของแผนการสร้างความแข็งแกร่งและความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับสินค้า
เกษตร-อาหารของ EU โดยบังคับให้มีการติดฉลากแสดงประเทศแหล่งกำเนิดบนสินค้าเกษตรพื้นฐาน เช่น เนื้อสัตว์ ปลา สัตว์ปีก ผลิตภัณฑ์จากนม ผัก ผลไม้สด เป็น ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภครับทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้าโดยพิจารณาจากแหล่ง
ที่มา ซึ่งเป็นกลยุทธประการหนึ่งในเสริมสร้างเรื่องค่านิยมในการบริโภคสินค้าที่ผลิตจากประ
เทศของตนเองหรือในยุโรป
ข) อย่างไรก็ดี หากกฎระเบียบติดฉลากดังกล่าวเริ่มมีผลบังคับใช้ ย่อมส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตร-อาหารของประเทศที่สามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งในมิติของการปรับเปลี่ยนฉลากให้มีข้อมูลครบถ้วนตามที่ EU บังคับไว้ และผลกระทบทางอ้อม ในประเด็นสิ่งแวดล้อม และชาตินิยม เนื่องจากผู้บริโภคอาจต่อต้านสินค้าที่มาจากประเทศที่สาม โดยอ้างเรื่องการปล่อยก๊าซ CO2 ระหว่างการขนส่ง และการสนับสนุนสินค้าที่ผลิตภายใน EU ว่าน่าจะมีคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยที่สูงกว่า ดังนั้น เป็นสิ่งจำเป็นที่ประเทศไทย ต้องเตรียมพร้อมปรับตัวกับกฎระเบียบใหม่ของ EU โดยหน่วยงานราชการควรให้ความรู้แก่ผู้ผลิตและผู้ส่งออกเกี่ยวกับ ข้อมูลบนฉลากที่บังคับตามกฎระเบียบ และอาจพิจารณาเพิ่มข้อมูลในส่วนอื่นๆ ที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค
Refer. http://news.thaieuro...3605/214/#_ftn1
ท่านที่สมัครสมาชิกเข้ามาใหม่ กรุณารอให้ Admin ได้ทำการ Validate การเป็นสมาชิก ภายใน 24 ชม.ของวันทำการ ซึ่งระหว่างที่รอ Validation ท่านอาจจะยังไม่สามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ได้ หากไม่ได้รับความสะดวก กรุณาอีเมลแจ้ง isothainetwork@hotmail.com
แก้ไขระเบียบควบคุมฉลากอาหารของ EU
Started by
Suppadej
, May 20 2010 01:19 PM
2 replies to this topic
0 user(s) are reading this topic
0 members, 0 guests, 0 anonymous users